เที่ยว 5 ปราสาทเด่นรอบกรุงโตเกียว

ยุคเอโดะ (Edo Era; ค.ศ.1603–1868) นับเป็นรัชสมัยที่รวมญี่ปุ่นกลับมาเป็นปึกแผ่นอีกครั้งและเป็นยุคสมัยที่ญี่ปุ่นเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก แดนดินถิ่นนี้เองคือรากฐานสำคัญที่พัฒนาจนกลายมาเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่อย่างกรุงโตเกียวที่เจริญก้าวหน้าในระดับชั้นนำของโลกมาจนถึงทุกวันนี้ หากย้อนไปในอดีตดินแดนเอโดะนั้นปกครองโดยระบอบโชกุนซึ่งเชื่อมโยงกับระบบไดเมียวผู้ครองแคว้นต่างๆ ทั่วญี่ปุ่น แล้วหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงรูปแบบการปกครองลักษณะนี้ก็คือสถาปัตยกรรมโบราณอันเป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่า “ปราสาทญี่ปุ่น” นั่นเอง

ว่ากันว่าทั่วดินแดนญี่ปุ่นนั้นมีปราสาทกระจัดกระจายอยู่นับหลายพันแห่ง โดยเฉพาะยุคเอโดะที่มีปราสาททรงอำนาจอยู่มากมายทั่วประเทศ แต่คราวนี้เราขอเจาะมาเฉพาะแดนดินถิ่นเอโดะอันยิ่งใหญ่ซึ่งบริเวณเมืองหลวงนี้ต่างก็มีปราสาทสำคัญอยู่รายรอบมากมายเช่นกัน สำหรับใครที่แวะมาเที่ยวโตเกียวแล้วอยากลองตามรอยประวัติศาสตร์ดูบ้าง คราวนี้เราคัดสรร 5 ปราสาทสำคัญรอบอาณาบริเวณโตเกียวมาแนะนำให้ลองแวะไปเที่ยวกันดู 

1.ปราสาทเอโดะและพระราชวังหลวงโตเกียว / จ.โตเกียว

ปราสาทเอโดะ (江戸城 / Edo Castle) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า ปราสาทชิโยดะ (千代田城 / Chiyoda Castle)  ถือเป็นปราสาทสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเพราะนี่คือศูนย์กลางการปกครองประเทศในสมัยเอโดะนั่นเอง ลักษณะของสถาปัตยกรรมนั้นเป็นปราสาทบนที่ราบที่มีอาณาเขตใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น ตัวปราสาทดั้งเดิมนั้นสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1457 โดยขุนศึกซามูไร โอตะ โดกัน (太田 道灌 / Ota Dokan) ก่อนที่ภายหลังจากโทกุงาวะ อิเอยาสึ (徳川 家康 / Tokugawa Ieyasu) ได้สถาปนารัฐบาลโชกุนโทกุงาวะ (Tokugawa shogunate / 徳川幕府) และขึ้นปกครองเมืองเอโดะ นับแต่ปี ค.ศ.1590 เป็นต้นมาปราสาทแห่งนี้ก็กลายมาเป็นที่พำนักหลักของโชกุนตลอดจนเป็นศูนย์ว่าราชการหลักของประเทศภายใต้การปกครองของตระกูลโทกุงาวะเรื่อยมากว่า 260 ปีเลยทีเดียว  

ส่วนหอคอยปราสาทหลักที่เรียกกันว่าฮอนมารุ (本丸 / Honmaru) นั้นถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1638 และได้รับการกล่าวขานว่าเป็นปราสาทที่สูงใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นยุคนั้น ทว่าก็กลับถูกไฟไหม้วอดวายและสร้างขึ้นใหม่ทดแทนอยู่หลายครั้งจนกระทั่งถูกไฟไหม้ครั้งล่าสุดเมื่อปี ค.ศ.1863 หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการสร้างปราสาทหลังใหม่ขึ้นทดแทนอีกเลย จนกระทั่งเกิดการปฏิวัติเมจิ (Meiji Revolution / 明治維新) ขึ้นในปี ค.ศ.1868 ที่มีการยึดอำนาจโชกุนกลับคืนสู่พระจักพรรดิจึงได้มีการย้ายพระราชวังหลวงจากเกียวโตมายังโตเกียว (เมืองหลวงใหม่) โดยปรับเปลี่ยนให้ปราสาทเอโดะกลายเป็นพระราชวังหลวงโตเกียว (皇居 / Tokyo Imperial Palace) สืบเนื่องมาจนปัจจุบัน

ถึงแม้ว่าปัจจุบันตัวปราสาทจะพังทลายจนหมดสิ้นแล้วแต่ยังคงมีการอนุรักษ์รากฐานปราสาทดั้งเดิมไว้เป็นอนุสรณ์ ขณะเดียวกันก็ยังคงหลงเหลืออาคารส่วนประกอบปราสาทดั้งเดิมบางส่วนด้วยเช่นกัน อาทิ ป้อมปราการและกำแพงชั้นนอกตลอดจนคูน้ำล้อมรอบปราสาทนั่นเอง นอกจากนี้ในปี ค.ศ.2006 ทาง Japanese Castle Association ยังยกย่องปราสาทเอโดะตลอดจนขึ้นทะเบียนให้เป็น 1 ใน 100 ปราสาทที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น (日本百名城 / 100 Fine Castles of Japan) อีกด้วย

ไฮไลท์ห้ามพลาด

• สวนฝั่งตะวันออกแห่งพระราชวังหลวง (皇居東御苑 / Imperial Palace East Gardens): ส่วนแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นในและเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าเยี่ยมชม นอกจากความงดงามของการจัดสวนแล้วพื้นที่บริเวณนี้ก็คือที่ตั้งเดิมของปราสาทเอโดะนั่นเอง ถึงแม้ตัวปราสาทจะทลายสิ้นแล้วแต่ยังคงหลงเหลือรากฐานดั้งเดิมไว้เป็นอนุสรณ์ให้คนรุ่นหลังได้สัมผัสความยิ่งใหญ่ในอดีต
• สะพานนิจูบาชิ (二重橋 / Nijubashi): อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของพระราชวังหลวงโตเกียวอันโด่งดังซึ่งเดิมทีเป็นสะพานไม้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1614 ก่อนที่จะพังทลายลงและมีการสร้างเป็นสะพานอิฐฐานโค้งคู่สไตล์ยุโรปขึ้นทดแทนในปี ค.ศ.1887

++++++++++++++++

+ ที่ตั้ง: 1-1 Chiyoda, Tokyo, Japan

+ เปิด-ปิด: ทุกวัน 09.00-16.00 หรือ 18.00 น. (เวลาโดยประมาณ / เวลาปิดทำการเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล โปรดเช็คเวลาแน่นอนในเว็บไซต์อีกครั้ง)

+ ค่าเข้าชม: ฟรี

+ เว็บไซต์: https://www.kunaicho.go.jp/e-event/higashigyoen02.html

+ แผนที่: https://maps.app.goo.gl/pQwW9N7EpWshe2Vr7

+ วิธีเดินทาง:

• Tokyo Metro: รถไฟใต้ดิน Tokyo Metro Line สาย C-Chiyoda (เขียว) / T- Tozai (ฟ้า) / M- Marunouchi (แดง) / Z- Honzomon (ม่วง) ลงสถานี Otemachi
• Toei Line (Tokyo Metro): รถไฟใต้ดิน Toei Line สาย I- Mita Line (น้ำเงิน) ลงสถานี Otemachi 
• JR Line: รถไฟ JR สาย JY-Yamanote (วงกลม-เขียว) / สาย JK-Keihin-Tohoku (ฟ้า) / สาย JC-Chuo (ส้ม) ลงสถานี Tokyo แล้วเดินต่ออีก 10-15 นาที

++++++++++++++++

2.ปราสาทมัตสึโมโตะ / จ.นากาโน่

ปราสาทสีดำอันตระหง่านนี้โดดเด่นมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครจนได้รับฉายาว่า “ปราสาทอีกา (烏城)” อันเนื่องมาจากสีของตัวปราสาทตลอดจนโครงร่างอาคารที่คล้ายนกสยายปีกด้วยนั่นเอง ปราสาทเก่าแก่แห่งนี้นอกจากจะได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกแห่งชาติแล้วก็ยังได้รับยกย่องว่าเป็นปราสาทสำคัญทรงคุณค่ามากที่สุดของญี่ปุ่นเคียงคู่กับปราสาทฮิเมจิและปราสาทคุมาโมโตะอีกด้วย ที่สำคัญปราสาทนี้คือ 1 ใน 12 ปราสาทเก่าแก่ดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ยังคงยืนหยัดเคียงคู่แดนอาทิตย์อุทัยมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

แรกเริ่มเดิมทีปราสาทดั้งเดิม ณ ที่นี้คือปราสาทฟุกาชิ (Fukashi Castle) แห่งตระกูลโอกาซาวาระ (小笠原氏 /Ogasawara Clan) ที่สร้างขึ้นช่วงต้นศตวรรษที่ 16 ราวช่วงปี ค.ศ.1504-1520 ในสมัยสมครามเซ็งโกกุปลายยุคมุโรมาจิ (Muromachi period; ค.ศ.1336-1573) ทำหน้าที่เป็นหนึ่งในป้อมปราการป้องกันภัยของปราสาทหลักฮิยาชิ ปราสาทแห่งนี้เปลี่ยนผู้ครอบครองหลายครั้งจนกระทั่งมาถึงราวปี ค.ศ.1582 ที่โอกาซาวาระ ซาดะโยชิ (Ogasawara Sadayoshi) ผู้สวามิภักดิ์ต่อโทกุงาวะ อิเอยาสึ (徳川 家康 / Tokugawa Ieyasu) ได้เข้ามาครอบครองปราสาทหลังนี้จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นปราสาทมัตสึโมโตะ (松本城 / Matsumoto Castle) นับแต่นั้นมา

หลังจากนั้นได้มีการต่อเติมปราสาทให้ใหญ่ขึ้นตลอดจนเริ่มสร้างหอปราสาทหลักเท็นชุ (หลังประธาน) สูงตระหง่าน 5 ชั้นขึ้นราวปี ค.ศ.1594 จนกลายเป็นปราสาทสมบูรณ์แบบอย่างที่เห็นในปัจจุบัน อันที่จริงในปี ค.ศ.1872 ในยุคเมจิ (Meiji period) รัฐบาลได้มีคำสั่งรื้อถอนทำลายและขายสิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับระบอบโชกุนให้หมดสิ้นแต่โชคดีที่ได้หัวหอกคนสำคัญอย่างอิชิกาวะ เรียวโซ (Ichikawa Ryozo) พร้อมชาวเมืองที่ระดมทุนกันเพื่อซื้อปราสาทคือได้สำเร็จ ก่อนที่ภายหลังจะถูกบูรณะซ่อมแซมใหม่จนเหลือรอดมาถึงยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ในปี ค.ศ.2006 ทาง Japanese Castle Association ยังยกย่องปราสาทมัตสึโมโตะตลอดจนขึ้นทะเบียนให้เป็น 1 ใน 100 ปราสาทที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น (日本百名城 / 100 Fine Castles of Japan) อีกด้วย

ไฮไลท์ห้ามพลาด

• หอชมจันทร์ (月見櫓 / Tsukimiyagura): หอชมจันทร์แห่งนี้เป็นห้องสี่เหลี่ยมประตูบานเลื่อนที่สามารถเปิดโล่งได้ 3 ทิศ มีเฉลียงระเบียงโดยรอบ เป็นจุดชมทิวทัศน์ได้รอบทิศ โดยเฉพาะการดื่มด่ำความงดงามของท้องฟ้าในยามค่ำคืน
• หอสังเกตการณ์: หอสังเกตการณ์นี้ตั้งอยู่ชั้นบนสุดของหอปราสาทหลัก มองเห็นวิวมุมสูงได้รอบทิศซึ่งใช้สังเกตการณ์ศัตรูในยุคก่อน แต่ปัจจุบันเป็นจุดชมวิวที่แสนงดงาม ภายในมีการประดิษฐานเทพเจ้าผู้พิทักษ์ปราสาทมัตสึโมโตะอันศักดิ์สิทธ์ (Nijuroku yashin) ไว้ด้วย

++++++++++++++++

+ ที่ตั้ง: 4-1 Marunouchi, Matsumoto, Nagano, Japan

+ เปิด-ปิด: ทุกวัน 08.30-17.00 น.

+ ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ ¥700 / เด็ก ¥300

+ เว็บไซต์: https://www.matsumoto-castle.jp/eng

+ แผนที่: https://maps.app.goo.gl/eYjYXxCDPbFHDSs26

+ วิธีเดินทาง:

• JR Line: จากสถานี Shinjuku (สถานีต้นทาง) ขึ้นรถไฟด่วนพิเศษ JR Azusa ลงสถานี Matsumoto (สถานีปลายทาง) แล้วเดินต่ออีก 15 นาที / หรือต่อรถบัส Town Sneaker Northern course bus loop line ที่ป้ายหมายเลข 1 แล้วลงป้าย Matsumoto-jo Shiyakusho-mae

++++++++++++++++

3.ปราสาทโอดาวาระ / จ.คานากาวะ

หนึ่งในสมรภูมิสู้รบสำคัญในอดีตนี้เต็มไปด้วยตำนานนินจาและซามูไรมากมายซึ่งก็รวมถึงผู้สังหารฮัตโตริ ฮันโซนินจาเลื่องชื่ออย่าง ฟูมะ โคทาโร่ (Fuma Kotaro / 風魔小太郎) ผู้นำแห่งนินจาสายตระกูลฟูมะ (Fuma clan / 風魔一党) ) ที่รับใช้ตระกูลโฮโจรุ่นหลัง (Later Hojo clan / 後北条氏) อันเป็นตระกูลผู้ครอบครองปราสาทโอดาวาระนั่นเอง

ปราสาทโอดาวาระ (Odawara Castle / 小田原城) สร้างขึ้นโดยตระกูลโฮโจรุ่นหลัง (後北条氏 / Go-Hojo-shi)   ราวปี ค.ศ.1495 ช่วงปลายศตวรรษที่ 15 ในสมัยสมครามเซ็งโกกุปลายยุคมุโรมาจิ (Muromachi period; ค.ศ.1336-1573) ตระกูลโฮโจนี้เป็นหนึ่งในตระกูลผู้เรืองอำนาจในยุคสมครามเซ็งโกกุอย่างมากจนกระทั่งถูกไดเมียว โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ (豊臣 秀吉 / Toyotomi Hideyoshi) ยกทัพเข้าโจมตีปราสาทนี้ได้สำเร็จเมื่อปี ค.ศ.1590 จนทำให้สงครามในประเทศสงบลงและก้าวสู่การรวมประเทศเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง กระทั่งเกิดการสถาปนารัฐบาลโชกุนโทกุงาวะ (Tokugawa shogunate / 徳川幕府) ขึ้นและก้าวสู่ยุคเอโดะ (Edo period; ค.ศ.1603-1868) อันรุ่งเรืองนั่นเอง นับจากนั้นมาปราสาทโอดาวาระก็ผนวกเข้าเป็นหนึ่งในเครือข่ายปราสาทอันสำคัญของยุคเอโดะ

ถึงแม้จะผ่านพ้นช่วงสงครามมาได้แต่ท้ายที่สุดปราสาทนี้กลับพังทลายลงจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ของภูมิภาคคันโต (関東大地震 / Great Kanto Earthquake) ในปี ค.ศ.1923 ก่อนที่ในปี ค.ศ.1960 จะได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่อีกครั้งตามรูปแบบดั้งเดิมให้กลับมาตระหง่านงดงามอีกครั้งจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ในปี ค.ศ.2006 ทาง Japanese Castle Association ยังยกย่องปราสาทโอดาวาระตลอดจนขึ้นทะเบียนให้เป็น 1 ใน 100 ปราสาทที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น (日本百名城 / 100 Fine Castles of Japan) อีกด้วย 

ไฮไลท์ห้ามพลาด

• พิพิธภัณฑ์นินจา (小田原城NINJA館 (小田原城歴史見聞館) / Odawara Castle NINJA Museum (Odawara Castle History Museum)) และ พิพิธภัณฑ์ซามูไร (常盤木門SAMURAI館 / Tokiwagimon Samurai Museum): นอกจากตำนานนินจาและซามูไรอันเลื่องชื่อแล้วภายในอาณาบริเวณปราสาทยังเป็นที่ตั้งของสองพิพิธภัณฑ์ (แยกกัน) สำคัญที่จัดแสดงนิทรรศการด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของศาสตร์นักรบทั้งสองสายไว้อย่างน่าสนใจ ตลอดจนแสดงข้าวของเครื่องใช้จริงในอดีตให้เราได้ศึกษา รวมถึงมีกิจกรรมน่าสนใจอีกมากมาย

++++++++++++++++

+ ที่ตั้ง: Jonai, Odawara, Kanagawa, Japan

+ เปิด-ปิด: ทุกวัน 09.00-17.00 น.

+ ค่าเข้าชม: ปราสาท ¥510 / พิพิธภัณฑ์นินจา ¥310 / พิพิธภัณฑ์ซามูไร ¥200 / บัตรรวมทั้งหมด ¥610　

+ เว็บไซต์: https://odawaracastle.com/   

+ แผนที่: https://maps.app.goo.gl/4JcJ7A1ejDR6muHi9

+ วิธีเดินทาง:

• JR Line: จากสถานี Tokyo / Shinagawa ขึ้นรถไฟสาย JT-Tokaido Main Line ลงสถานี Odawara
• JR Line (Shinkansen): จากสถานี Tokyo / Shinagawa ขึ้นรถไฟด่วนชินกันเซ็นสาย Tokaido Shinkansen ลงสถานี Odawara
• Odakyu Railway: จากสถานี Shinjuku (Odakyu) ขึ้นรถไฟสาย OH-Odakyu Odawara Line ลงสถานี Odawara

++++++++++++++++

4.ปราสาทโอชิ / จ.ไซตามะ

ปราสาทหลังนี้อาจไม่ใช่ปราสาทที่คนส่วนใหญ่รู้จักนักทว่าในอดีตนั้นกลับมีความสำคัญต่อภูมิภาคคันโตเป็นอย่างมากเพราะปราสาทแห่งนี้คือศูนย์กลางการปกครองอันเรืองอำนาจและต่อกรชนะศัตรูมาได้จนทำให้เลื่องชื่อเกรียงใจ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันปราสาทจำลองหลังใหม่จะมีขนาดไม่ใหญ่นักทว่าทิวทัศน์โดยรอบนั้นกลับเสริมให้ปราสาทดูสวยงามอย่างยิ่งจนทำให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้คนแวะมาเยี่ยมเยือนมากมาย

ปราสาทโอชิ (忍城 / Oshi Castle) เป็นศูนย์กลางการปกครองท้องถิ่นสำคัญของแคว้นโอชิอันยิ่งใหญ่ในอดีตที่สวามิภักดิ์ต่อรัฐบาลโชกุนโทกุงาวะ ทว่าปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1479 และเลื่องชื่อมาช้านานจากเหตุการณ์ล้อมปราสาท (忍城の戦い / Siege of Oshi) ในปี ค.ศ.1590 แห่งยุคสมัยเซ็งโกกุ (Sengoku Period) อีกด้านปราสาทแห่งนี้ยังได้รับฉายาว่าเป็นปราสาทนินจาด้วยซึ่งที่นี่มีเรื่องราวนักรบเงาเล่าขานไว้มากมาย

แต่หลังจากเกิดการปฏิวัติเมจิ (明治維新 / Meiji Restoration) ในปี ค.ศ.1868 ปราสาทแห่งนี้เป็นหนึ่งในปราสาทที่ถูกทำลายลงสิ้นและปรับเปลี่ยนให้เป็นสวนสาธารณะของเมืองแทน สำหรับตัวปราสาทหลังเล็กที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนั้นถูกบูรณะขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.1988 เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกอดีตและส่งเสริมการท่องเที่ยวท้องถิ่นในตัว นอกจากนี้ในปี ค.ศ.2017 ปราสาทโอชิก็ยังได้รับการขึ้นทะเบียนจาก Japanese Castle Association ให้เป็น 1 ใน 100 ปราสาท (ภาคต่อ) ที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น (日本続百名城 / Continued 100 Fine Castles of Japan) ด้วย

ไฮไลท์ห้ามพลาด

• พิพิธภัณฑ์เมืองเกียวดะ (行田市郷土博物館 / Gyoda City Museum): พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ภายในปราสาทโอชิ จัดแสดงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองที่มีมาช้านานผ่านนิทรรศการทันสมัย ตลอดจนจัดแสดงโบราณวัตถุสำคัญมากมายให้ได้ชม

++++++++++++++++

+ ที่ตั้ง: 17-23 Honmaru, Gyoda, Saitama, Japan

+ เปิด-ปิด: ทุกวัน 09.00-16.30 น. (หยุดวันจันทร์)

+ ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ ¥200 / นักเรียน-นักศึกษา ¥100 / นักเรียนประถม-มัธยมต้น ¥50  

+ เว็บไซต์: https://www.city.gyoda.lg.jp/index.html

+ แผนที่: https://maps.app.goo.gl/n99kmtThegkwd5cu9  

+ วิธีเดินทาง:

• JR Line: จากสถานี Tokyo / Ueno ขึ้นรถไฟสาย JU-Takasaki Line ลงสถานี Gyoda จากนั้นขึ้น City Loop Bus ลงสถานี Oshi Castle Ruins/Local History Museum
• JR Line: จากสถานี Ikebukuro / Shinjuku / Shibuya ขึ้นรถไฟสาย JS- Shonan Shinjuku Line (Local) ลงสถานี Gyoda จากนั้นขึ้น City Loop Bus ลงสถานี Oshi Castle Ruins/Local History Museum

++++++++++++++++

5.ปราสาททาเตยามะ / จ.ชิบะ

ในอดีตยุคเอโดะหนึ่งอาณาบริเวณสำคัญนั้นก็คือแถบคาบสมุทรโบโซ (房総半島 / Boso Peninsula) นี่เอง เนื่องจากมีชัยภูมิที่ดีทั้งภูมิประเทศยังโอบล้อมอ่าวเอโดะ (อ่าวโตเกียวในยุคอดีต) ทำให้ป้องกันภัยรุกรานได้ดีอีกด้วย ทำเลบริเวณนี้จึงเหมาะสำหรับเป็นจุดสังเกตการณ์ เฝ้าระวังศัตรู ตลอดจนเป็นประตูด่านแรกในการคัดกรองและป้องกันคนต่างถิ่นเข้าสู่น่านน้ำเอโดะ และเป็นปราการสำคัญในการสู้รบป้องกันภัยให้เอโดะด้วยนั่นเอง

ปราสาททาเตยามะ (館山城 / Tateyama Castle) ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงเหนือเมืองทาเตยามะบริเวณปลายคาบสมุทรโบโซ (房総半島 / Boso Peninsula) สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1580 แห่งยุคสมัยเซ็งโกกุ (Sengoku Period) ทว่าช่วงที่เกิดสงครามระหว่างแคว้นต่างๆ ภายในประเทศนั้นในปี ค.ศ.1614 รัฐบาลโชกุนโทกุงาวะเคยบุกทำลายปราสาทแห่งนี้จนราบคาบมาแล้วเช่นกัน จนกระทั่งเข้าสู่ยุคเอโดะในปี ค.ศ.1781 ได้มีการคืนสถานะและแต่งตั้งให้อินาบะ มาซะอากิ (稲葉 正明 / Inaba Masaaki) ขึ้นเป็นไดเมียวคนแรกแห่งตระกูลอินาบะ (稲葉氏 / Inaba Clan) เพื่อปกครองแคว้นทาเตยามะนี้ ทว่าได้รับอนุญาตให้สร้างเพียงแค่จินยะ (陣屋 / Jinya) ระดับคฤหาสน์ป้อมปราการเท่านั้น ด้วยความที่ปราสาทตั้งอยู่บนทำเลและชัยภูมิที่ยอดเยี่ยมทำให้สามารถเห็นภูมิทัศน์บริเวณรอบอ่าวเอโดะได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ทำให้ที่นี่เหมาะเป็นหอสังเกตการณ์ตลอดจนเป็นปราการด่านแรกอันสำคัญก่อนเข้าสู่บริเวณอ่าวเอโดะ (Edo Bay) ชั้นในซึ่งปัจจุบันก็คืออ่าวโตเกียว (東京湾 / Tokyo Bay) นั่นเอง

อันที่จริงแล้วปราสาทในอดีตอาจไม่ได้ตระหง่านงดงามเหมือนในปัจจุบันเพราะปราสาทหลังที่เห็นนี้เพิ่งจะสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.1982 นี้เอง จุดประสงค์ก็เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของป้อมปราการในอดีตตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับเมืองแห่งนี้ในตัวด้วย สำหรับรูปแบบของสถาปัตยกรรมปราสาทหลังนี้นั้นสร้างขึ้นโดยได้รับอิทธิพลมาจากปราสาทอินุยามะ (犬山城 / Inuyama Castle) ใน จ.ไอจิ ปัจจุบันปราสาทแห่งนี้ได้รับยกย่องว่าเป็นปราสาทที่มีทิวทัศน์งดงามอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว

ไฮไลท์ห้ามพลาด

• พิพิธภัณฑ์ฮักเก็นเด็นแห่งปราสาททาเคยามะ (行田市郷土博物館 / Hakkenden Museum Tateyama Castle): พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ภายในปราสาททาเตยามะ จัดแสดงนิทรรศการวรรณกรรมมหากาฬดังของญี่ปุ่นเรื่อง Nanso Satomi Hakkenden (南総里見八犬伝) หรือที่รู้จักกันว่า Hakkenden (八犬伝) ซึ่งประพันธ์โดยเคียวคุเต บากิน (曲亭 馬琴/ Kyokutei Bakin) ซึ่งมีจำนวนกว่า 106 เล่ม ตีพิมพ์ในช่วงปี ค.ศ.1814-1842 ซึ่งนิทรรศการแห่งนี้ถือว่าเป็นแหล่งจัดแสดงอย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว

++++++++++++++++

+ ที่ตั้ง: 362 Tateyama, Chiba, Japan

+ เปิด-ปิด: ทุกวัน 09.00-16.45 น. (หยุดวันจันทร์)

+ ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ ¥400 / นักเรียน ¥200

+ เว็บไซต์: https://tateyamacastle.jp/

+ แผนที่: https://maps.app.goo.gl/yciu5iDHEJFsQXGa7

+ วิธีเดินทาง:

• Ferry: จากท่าเรือ Takeshiba ในโตเกียว (ใกล้กับสถานี Hamamatsucho (JR) / สถานี Daimon (Tokyo Metro) / สถานี Takesiba (Yurikamome Line) นั่งเรือเฟอร์รี่ Tokai Kisen (東海汽船) ลงท่าเรือ Tateyama (อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ JR Tateyama) จากนั้นนั่งรถเมล JR Bus หรือ Nitto Bus ลงป้าย In front of Shiroyama Park (Shiroyama Koen mae)  
• JR Line: จากสถานี Tokyo ขึ้นรถไฟสาย Jo-Sobu Line ลงสถานี Chiba แล้วต่อรถไฟสาย JR-Uchibo Line ลงสถานี Tateyama จากนั้นนั่งรถเมล JR Bus หรือ Nitto Bus ลงป้าย In front of Shiroyama Park (Shiroyama Koen mae)  
• JR Line: จากสถานี Shinjuku / Akihabara ขึ้นรถไฟสาย JB-Chuo Sobu Line ลงสถานี Chiba แล้วต่อรถไฟสาย JR-Uchibo Line ลงสถานี Tateyama จากนั้นนั่งรถเมล JR Bus หรือ Nitto Bus ลงป้าย In front of Shiroyama Park (Shiroyama Koen mae)  
• Keisei: จากสถานี Keisei-Ueno ขึ้นรถไฟสาย Keisei Main Line (ปลายทาง Chiba) ลงสถานี Chiba แล้วต่อรถไฟสาย JR-Uchibo Line ลงสถานี Tateyama จากนั้นนั่งรถเมล JR Bus หรือ Nitto Bus ลงป้าย In front of Shiroyama Park (Shiroyama Koen mae)  

++++++++++++++++

ตำนานปราสาทอันเกรียงไกร

ปราสาทญี่ปุ่น (城 / Shiro หรือ Jo ) นั้นดูงดงามทว่าน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน สถาปัตยกรรมรูปแบบนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการเป็นป้อมปราการปกป้องบ้านเมืองก่อนที่ภายหลังจะพัฒนากลายมาเป็นศูนย์บัญชาการรบตลอดจนเป็นศูนย์ว่าราชการในการปกครองแผ่นดิน ขณะเดียวกันในยุคหลังปราสาทญี่ปุ่นก็กลายมาเป็นที่พำนักของไดเมียวผู้ปกครองแคว้นไปในตัวด้วยทำให้นอกจากจะต้องสร้างให้แข็งแกร่งแล้วยังต้องตกแต่งให้ให้วิจิตรงดงามทั้งภายนอกและภายในเพื่อสะท้อนถึงฐานะของผู้ครองปราสาทตลอดจนประกาศศักดินาให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรไปพร้อมกัน

รูปแบบของปราสาทญี่ปุ่นอย่างที่เราคุ้นเคยในยุคปัจจุบันน่าจะเริ่มต้นก่อสร้างราวช่วงยุคศตวรรษที่ 16 ในสมัยเซ็งโกกุ (Sengoku Period) ช่วงปลายยุคมุโรมาจิ (Muromachi Era; ค.ศ.1336-1573) ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดสงครามแย่งชิงอำนาจภายในประเทศขึ้นมากมาย ป้อมปราการอันแข็งแกร่งจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับไดเมียวแต่ละแคว้น หลังจากสงครามเริ่มสงบลงจนเกิดการรวมประเทศให้เป็นปึกแผ่นอีกครั้งในยุคเอโดะ (Edo Era; ค.ศ.1603–1868) ปราสาทญี่ปุ่นจึงเริ่มกลายมาเป็นที่พำนักของไดเมียวในตัวและกลายเป็นศูนย์รวมอำนาจตลอดจนเป็นสัญลักษณ์แสดงความมั่นคงของผู้ปกครองแคว้นในคราวเดียวกัน

ว่ากันว่าเดิมทีทั่วญี่ปุ่นนั้นมีปราสาทตั้งอยู่มากมายกว่า 5,000 แห่งเลยทีเดียว แต่ปราสาทส่วนใหญ่ถูกทำลายลงจากหลายสาเหตุทั้งจากฝีมือมนุษย์และภัยธรรมชาติ นอกจากการทำลายในช่วงสงครามยุคก่อนนั้นหลังจากบ้านเมืองสงบลงสักพักจนก้าวเข้าสู่สมัยการปฏิรูปญี่ปุ่นในยุคเมจิ (Meiji Era; ค.ศ.1868-1912) ที่ล้มล้างระบอบโชกุนได้สำเร็จก็มีการปราบปรามอำนาจขันนางต่างๆ ตลอดจนทำลายสัญลักษณ์ของระบอบนี้ให้หมดสิ้นซึ่งก็รวมถึงการทำลายปราสาทต่างๆ ลงไปอย่างน่าเสียดาย หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ.1939-1945) ที่ญี่ปุ่นได้รับผลกระทบไปเต็มๆ และช่วงนี้ก็มีปราสาทอีกหลายหลังถูกทำลายลงไปด้วยเช่นกัน

เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ญี่ปุ่นก็เริ่มหันมาให้ความสนใจในการอนุรักษ์โบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์จนทำให้ช่วงนี้มีโครงการบูรณะปราสาทญี่ปุ่นตลอดจนสร้างสถาปัตยกรรมขึ้นใหม่ตามรูปแบบดั้งเดิมเพื่อฟื้นคืนชีพให้ปราสาทกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง จุดประสงค์ก็เพื่อสร้างอนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์ให้เป็นมรดกแผ่นดินเช่นเคยตลอดจนส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในตัว ซึ่งก็คือว่าน่ายกย่องและประสบความสำเร็จทีเดียว

ถึงแม้ว่าในยุคปัจจุบันเราจะเห็นปราสาทญี่ปุ่นยังคงตั้งตระหง่านงดงามอยู่มากมายทั่วประเทศทว่าปราสาทส่วนใหญ่คือสถาปัตยกรรมที่ก่อสร้างเลียนแบบปราสาทหลังเดิมขึ้นใหม่เพื่อให้เห็นถึงความเกรียงไกรในอดีต ทว่ามีเพียง 12 หลังเท่านั้นที่เป็นปราสาทเก่าแก่ดั้งเดิมแท้จริงรอดพ้นจากการทำลายและยืนหยัดรอดมาได้จนถึงยุคปัจจุบัน

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

https://www.japan.travel/en/ca/inspiration/discover-japans-twelve-original-castles

https://odawaracastle.com/

https://www.museumsiam.org/MuseAroundTheWorld_JapanEcomuseums

https://en.wikipedia.org/wiki/Edo_Castle

https://www.japan.travel/th/th

https://www.japan-guide.com/e/e5222.html