สวัสดีค่า!
ถึงแฟนๆ อนิเมะญี่ปุ่นทุกคน! เคยฝันอยากจะไปเยือนสถานที่จริงๆ ที่เหล่าตัวละครโปรดของคุณเคยหัวเราะ, ร้องไห้ หรือวิ่งผ่านไปในเรื่องบ้างไหมคะ?
การเดินทางไปเยือนสถานที่จริงที่ปรากฏในอนิเมะเรื่องโปรดนั้นเรียกว่า “เซจิจุนเร (聖地巡礼)” หรือ “การเดินทางตามรอยอนิเมะ” นั่นเองค่ะ เป็นประสบการณ์สุดพิเศษที่โลกแห่งจินตนาการและความเป็นจริงมาบรรจบกัน ซึ่งไม่มีอะไรจะฟินไปกว่านี้อีกแล้วสำหรับแฟนๆ อนิเมะ
ครั้งนี้ เราจะมาแนะนำเส้นทางตามรอยอนิเมะ 2 เรื่องที่โด่งดังจนกลายเป็นปรากฏการณ์ในไทย อย่าง “Your Name. (หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ)” และ “THE FIRST SLAM DUNK” กันแบบละเอียดสุดๆ! ได้เวลาไปพิสูจน์ฉากประทับใจเหล่านั้นด้วยตาของคุณเองแล้ว!
ก่อนออกเดินทาง: 3 มารยาทสำคัญที่ต้องรู้ก่อนเริ่มการเดินทาง
สถานที่ตามรอยอนิเมะไม่ใช่สวนสนุกนะคะ ส่วนใหญ่แล้วเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่มีผู้คนใช้ชีวิตตามปกติ, เป็นสถานีรถไฟ หรือโรงเรียนที่ใช้งานอยู่ทุกวัน เพื่อให้การเดินทางของคุณเป็นความทรงจำที่ดีที่สุด ต้องรักษามารยาทเหล่านี้อย่างเคร่งครัดค่ะ
- ทำตัวเงียบๆ: ไม่ส่งเสียงดังหรือร้องเพลง
- เคารพความเป็นส่วนตัว: ห้ามถ่ายรูปคนในพื้นที่, บ้านพัก หรือโรงเรียนโดยไม่ได้รับอนุญาตเด็ดขาด
- เก็บขยะกลับ: ไม่ทิ้งขยะเรี่ยราด ช่วยกันรักษาความสะอาดของสถานที่
อย่าลืมพกความเคารพต่อผลงานและความขอบคุณต่อคนในพื้นที่ติดตัวไปตลอดการเดินทางนะคะ!
【Part 1】ตามรอย “Your Name.” การพบกันข้ามเวลา ณ โตเกียวและฮิดะ
เรื่องราวการพบกันข้ามมิติเวลาของ “ทาคิ” และ “มิตสึฮะ” เราจะไปตามรอยทั้งในโตเกียวที่ทาคิอาศัยอยู่ และภูมิภาคฮิดะ จังหวัดกิฟุ ซึ่งเป็นต้นแบบของเมืองอิโตโมริกันค่ะ
【โตเกียว】ตะลุยเมืองใหญ่ที่ “ทาคิ” เคยวิ่งผ่าน (แพลนเที่ยว 1 วัน)
1. บันไดหน้าศาลเจ้าซูกะ (Suga Shrine) 【จุดที่สำคัญที่สุด】
- ฉากในเรื่อง: สถานที่ในโปสเตอร์ที่ “ทาคิ” และ “มิตสึฮะ” ได้พบกันอีกครั้งในตอนท้ายของเรื่อง!
- การเดินทาง: เดินประมาณ 10 นาทีจากสถานี Yotsuya (สาย JR / Tokyo Metro)
- เกร็ดการเดินทาง: ที่นี่เป็นย่านที่อยู่อาศัยที่เงียบสงบ ตอนถ่ายรูปบนบันไดควรถ่ายอย่างรวดเร็วและผลัดเปลี่ยนกับแฟนๆ คนอื่น เพื่อไม่ให้รบกวนผู้ที่อาศัยอยู่แถวนั้น แม้จะรู้สึกประทับใจจนอยากตะโกนออกมาแค่ไหน ก็ขอให้อดใจไว้นะคะ!
2. พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ (The National Art Center, Tokyo)
- ฉากในเรื่อง: สถานที่ที่มีคาเฟ่ที่ “ทาคิ” ไปเดทกับรุ่นพี่โอคุเดระ
- การเดินทาง: เชื่อมต่อโดยตรงกับสถานี Nogizaka (สาย Tokyo Metro)
- เกร็ดการเดินทาง: คาเฟ่ที่ว่านั้นคือ “Salon de Thé ROND” ซึ่งอยู่บนชั้น 2 ของพิพิธภัณฑ์ ลองไปนั่งจิบชาจริงๆ ดูสิ คุณอาจจะสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของทาคิคุงก็ได้นะ
3. บริเวณรอบสถานีชินจูกุ (Shinjuku Station)
- ฉากในเรื่อง: มีหลายจุดที่เป็นฉากหลังที่คุ้นตา ตอนที่ “ทาคิ” เดินตามหา “มิตสึฮะ”
- การเดินทาง: บริเวณรอบๆ สถานี Shinjuku (สาย JR)
- เกร็ดการเดินทาง: มีจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่ปรากฏในเรื่องเยอะมาก เช่น สัญญาณไฟจราจร “ด้านหลังสถานีตำรวจชินจูกุ” ลองใช้ Google Maps ช่วย แล้วถ่ายรูปในมุมเดียวกับทาคิคุงดูนะคะ
【เส้นทางแนะนำในโตเกียว】
เริ่มต้นที่สถานี Shinjuku → นั่งรถไฟสาย JR Chuo/Sobu ไปลงที่สถานี Yotsuya เพื่อไปศาลเจ้าซูกะ → จากนั้นกลับมาที่สถานี Yotsuya แล้วต่อรถไฟใต้ดินสาย Namboku Line ไปลงที่สถานี Roppongi-itchome แล้วเดินอีกนิดหน่อยเพื่อไปยังพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ จะเป็นเส้นทางที่สะดวกที่สุด
【ฮิดะ】ตามหาเงาของเมืองอิโตโมริที่ “มิตสึฮะ” เคยอยู่ (แพลนเที่ยว 1-2 วัน)
จากโตเกียว เราจะเดินทางต่อไปยังหัวใจของเรื่องราวกันค่ะ แนะนำให้นั่งรถไฟจากนาโกย่าต่อไปยังเมือง “ทาคายามะ” แล้วใช้ที่นี่เป็นฐานในการเที่ยวค่ะ
1. สถานีฮิดะ-ฟุรุคาวะ (Hida-Furukawa Station)
- ฉากในเรื่อง: สถานีที่ “ทาคิ” และเพื่อนๆ ลงรถไฟเพื่อตามหาเบาะแสของเมืองอิโตโมริ
- การเดินทาง: จากสถานี Takayama นั่งรถไฟสายธรรมดาประมาณ 15 นาที
- เกร็ดการเดินทาง: บรรยากาศเหมือนในหนังเป๊ะๆ ทั้งชานชาลา, สะพานลอยข้ามรางรถไฟ และจุดรอแท็กซี่หน้าสถานี แถมยังมีมาสคอตวัว “ฮิดะคุโระ” ที่ปรากฏในเรื่องตั้งอยู่หน้าสถานีด้วย!
2. ห้องสมุดเมืองฮิดะ (Hida City Library)
- ฉากในเรื่อง: ห้องสมุดที่ “ทาคิ” และเพื่อนๆ ไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองอิโตโมริ
- การเดินทาง: เดินประมาณ 7 นาทีจากสถานี Hida-Furukawa
- เกร็ดการเดินทาง: ที่นี่คือห้องสมุดที่เปิดใช้งานจริงๆ! หากต้องการเข้าไปตามรอย จะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์เพื่อขออนุญาตถ่ายรูปก่อน และต้องใช้บริการอย่างเงียบๆ เท่านั้น
3. ศาลเจ้าเคตะวากามิยะ (Keta Wakamiya Shrine)
- ฉากในเรื่อง: หนึ่งในศาลเจ้าที่เป็นต้นแบบของ “ศาลเจ้ามิยามิซึ” บ้านของมิตสึฮะ
- การเดินทาง: เดินประมาณ 15 นาทีจากสถานี Hida-Furukawa
- เกร็ดการเดินทาง: เมื่อเดินขึ้นบันไดหินยาวๆ ไป จะพบกับภาพของศาลเจ้าที่คุ้นตาเหมือนในภาพยนตร์ ลองไปสักการะในความรู้สึกของมิตสึฮะดูนะคะ
【Part 2】ตามรอย “THE FIRST SLAM DUNK” สัมผัสแสงและลมแห่งโชนัน
อนิเมะที่กลับมาสร้างความคลั่งไคล้ไปทั่วญี่ปุ่นอีกครั้ง มีฉากหลังอยู่ที่ “โชนัน (Shonan)” พื้นที่ริมทะเลในจังหวัดคานางาวะ ซึ่งสามารถเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับจากโตเกียวได้
【โชนัน】นั่งรถไฟสายเอโนะเด็น ไปยังฉากในความทรงจำ (แพลนเที่ยว 1 วัน)
1. ทางรถไฟหน้าสถานีคามาคุระโคโคมาเอะ (Kamakurakokomae Station) 【จุดที่สำคัญที่สุด】
- ฉากในเรื่อง: จุดตัดทางรถไฟที่โด่งดังสุดๆ จากฉากเปิดของอนิเมะ ที่ “ซากุรางิ ฮานามิจิ” ยืนสะพายกระเป๋านั่นเอง
- การเดินทาง: ลงรถไฟสาย Enoshima Electric Railway (Enoden) ที่สถานี “Kamakurakokomae” แล้วจะเจอทันที
【ข้อควรระวังที่สำคัญอย่างยิ่ง!】
- ที่นี่เป็นจุดที่แฟนๆ จากทั่วโลกเดินทางมาเยี่ยมชม แต่ก็เป็นถนนที่คนท้องถิ่นใช้สัญจรตามปกติ มีทั้งรถยนต์และรถบัสวิ่งผ่านตลอดเวลา ห้ามลงไปถ่ายรูปบนถนนเด็ดขาด เพราะอันตรายมาก
- ห้ามยืนขวางทางเข้าบ้านของคนในพื้นที่ หรือส่งเสียงดัง
- เนื่องจากปัญหามารยาทของนักท่องเที่ยวกลายเป็นเรื่องใหญ่ ในฐานะแฟนสแลมดังก์ ขอให้ทุกคนทำตัวให้น่าภาคภูมิใจและเคารพสถานที่ด้วยนะคะ
2. ชายหาดโชนัน (Shonan Coast)
- ฉากในเรื่อง: ถนนเลียบชายหาดที่แสงแดดส่องประกายระยิบระยับ ที่ “รุคาว่า คาเอเดะ” ขี่จักรยานในฉากจบ
- การเดินทาง: บริเวณชายหาดที่อยู่ระหว่างทางรถไฟสายเอโนะเด็นกับถนนหมายเลข 134
- เกร็ดการเดินทาง: เดินจากสถานี Kamakurakokomae ไปทางสถานี Shichirigahama ก็จะเจอกับวิวแบบในอนิเมะเลยค่ะ ลองเดินรับลมทะเลดูสิ รับรองว่ารู้สึกเหมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมโชโฮคุแน่นอน!
3. เที่ยวคามาคุระและเอโนะชิมะไปพร้อมกัน
หลังจากตามรอยอนิเมะแล้ว ก็ต้องเที่ยวในย่านโชนันให้เต็มที่!
- เกาะเอโนะชิมะ (Enoshima): เดินข้ามสะพานไปสำรวจเกาะ ไปไหว้พระที่ศาลเจ้าเอโนะชิมะ หรือชมวิวสวยๆ จากประภาคาร “Enoshima Sea Candle” มื้อเที่ยงต้องลอง “ชิราสุด้ง” (ข้าวหน้าปลาชิราสุ) ของขึ้นชื่อที่นี่
- คามาคุระ (Kamakura): หนึ่งในเมืองเก่าของญี่ปุ่น ไปชม “พระใหญ่ไดบุทสึ” หรือสักการะ “ศาลเจ้าสึรุโอกะ ฮาจิมังกู” และเดินหาของกินอร่อยๆ ที่ถนนโคมาจิ
【การเดินทางและตั๋วสุดคุ้ม】
จากโตเกียว (สถานี Shinjuku) นั่งรถไฟสาย Odakyu จะสะดวกที่สุด แนะนำให้ซื้อ “Enoshima-Kamakura Freepass” ซึ่งจะรวมค่าเดินทางไป-กลับจากชินจูกุ และสามารถขึ้นรถไฟสาย Enoden ได้ไม่จำกัดตลอดทั้งวัน คุ้มและสะดวกมาก!
บทสรุป
การเดินทางตามรอยอนิเมะ ไม่ใช่แค่การไปเยือนสถานที่เฉยๆ แต่เป็นการเดินทางที่ทำให้เราได้สัมผัสถึงความรู้สึกของตัวละครและเบื้องหลังของเรื่องราวด้วยตัวเอง
ขอให้ทุกคนรักษามารยาทและพกความรักที่มีต่อผลงานไปให้เต็มเปี่ยม แล้ววางแผนการเดินทางในแบบของคุณ รับรองว่าความประทับใจจากในจอ จะกลายเป็นความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือนเมื่อได้มาเห็นด้วยตาตัวเองค่ะ
บทความที่ 2: ตะลุยฮอกไกโดหน้าร้อน! ขับรถเที่ยวฟุราโนะ-บิเอะ ชมวิวพานอรามาสุดอลังการ
สวัสดีค่า!
เมื่อพูดถึง “ฮอกไกโด (Hokkaido)” คนไทยส่วนใหญ่มักจะนึกถึงภาพหิมะขาวโพลนใช่ไหมคะ แต่รู้หรือไม่ว่า… ฮอกไกโดในฤดูร้อนที่ไม่มีหิมะนั้น สวยงามจนแทบลืมหายใจเลยทีเดียว!
ลองจินตนาการดูสิคะ…
ทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงที่ทอดยาวไปจนสุดขอบฟ้า
พรมดอกไม้หลากสีสันที่ปกคลุมทั่วทั้งเนินเขา
เนินเขาสีเขียวและท้องฟ้าสีครามที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
ภาพที่งดงามราวกับหลุดออกมาจากหนังสือภาพของยุโรปแบบนี้ คือสิ่งที่คุณจะได้พบในฤดูร้อนที่ “ฟุราโนะ (Furano)” และ “บิเอะ (Biei)” ค่ะ
และวิธีการเดินทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้คุณสนุกกับพื้นที่กว้างใหญ่แห่งนี้ได้แบบ 120% ก็คือ การเช่ารถขับเที่ยว นั่นเอง! จุดชมวิวสวยๆ ที่รถสาธารณะเข้าถึงได้ยาก แต่ถ้ามีรถ คุณก็สามารถไปได้ทุกที่อย่างอิสระ
บทความนี้จะแนะนำทุกอย่าง ตั้งแต่การเตรียมตัวสำหรับคนไทยที่ต้องการขับรถในญี่ปุ่น ไปจนถึงแพลนขับรถเที่ยว 2 คืน 3 วันที่อัดแน่นไปด้วยเสน่ห์ของฟุราโนะและบิเอะ ไปสร้างความทรงจำในฤดูร้อนที่ดีที่สุดกันเถอะค่ะ!
ทำไมต้องขับรถ? 4 เหตุผลที่ควรเช่ารถในฮอกไกโด
- อิสระขั้นสุด: ไม่ต้องกังวลกับตารางเวลารถบัสอีกต่อไป! ถ้าเจอวิวที่ถูกใจ ก็สามารถจอดรถถ่ายรูปหรือนั่งเล่นได้นานเท่าที่ต้องการ
- ประสิทธิภาพสูงสุด: สถานที่ท่องเที่ยวในฮอกไกโดอยู่กระจัดกระจายและห่างไกลกัน การเดินทางด้วยรถยนต์จึงเป็นวิธีที่ใช้เวลาได้คุ้มค่าที่สุด
- วิวสวยตลอดทาง: ทิวทัศน์สองข้างทางที่คุณเห็นจากหน้าต่างรถคือสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเอง แค่ได้ขับรถไปเรื่อยๆ ก็ประทับใจแล้ว
- ช้อปปิ้งสบาย: ซื้อของฝากเยอะแค่ไหนก็แค่เก็บไว้ที่ท้ายรถ ขากลับก็สบายหายห่วง
【เตรียมตัว】คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับคนไทยที่ต้องการขับรถในญี่ปุ่น
หลายคนอาจคิดว่า “ขับรถที่ญี่ปุ่นน่าจะยาก…” แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ! เพราะที่นี่ขับรถ “เลนซ้าย พวงมาลัยขวา” เหมือนกับประเทศไทย ทำให้ปรับตัวได้ไม่ยากเลย สิ่งที่ต้องเตรียมมีดังนี้ค่ะ
1. เตรียมใบอนุญาตขับขี่ระหว่างประเทศ
- สิ่งที่ต้องใช้: ใบอนุญาตขับขี่ระหว่างประเทศที่ออกโดยกรมการขนส่งทางบกของไทย ซึ่งเป็นไปตาม “อนุสัญญาเจนีวา 1949”
- วิธีขอ: ยื่นเรื่องได้ที่สำนักงานขนส่งใกล้บ้าน เอกสารที่ต้องใช้คือ ใบขับขี่ของไทยที่ยังไม่หมดอายุ, พาสปอร์ต, รูปถ่าย ฯลฯ กรุณาตรวจสอบกับสำนักงานขนส่งในพื้นที่ของคุณอีกครั้ง
- 【สำคัญมาก!】 เมื่อขับรถในญี่ปุ่น คุณต้องพกเอกสาร 3 อย่างนี้ไว้ด้วยกันเสมอ คือ ① ใบขับขี่ของไทย, ② ใบขับขี่ระหว่างประเทศ, ③ พาสปอร์ต หากขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไป จะไม่สามารถขับรถได้
2. จองรถเช่า
- วิธีจอง: แนะนำให้จองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ของบริษัทรถเช่ารายใหญ่ (มีภาษาอังกฤษ) เช่น Toyota Rent a Car, Nippon Rent-A-Car, Times Car Rental แม้จะสามารถไปเช่าที่เคาน์เตอร์สนามบินได้เลย แต่ในช่วงฤดูร้อนรถอาจเต็มได้
- ออปชั่นเสริมที่ควรรู้:
- บัตร ETC: บัตรสำหรับผ่านช่องเก็บค่าผ่านทางบนทางด่วนได้อย่างสะดวกสบาย สามารถเช่าพร้อมกับรถได้
- Hokkaido Expressway Pass (HEP): บัตรเหมาจ่ายค่าทางด่วนในฮอกไกโดแบบไม่จำกัดระยะทาง มีไว้สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะ คุ้มค่ามากหากต้องเดินทางไกล
- ระบบนำทาง (GPS): รถเช่าส่วนใหญ่มีเป็นอุปกรณ์มาตรฐานและรองรับหลายภาษา สามารถป้อนจุดหมายด้วยเบอร์โทรศัพท์หรือ “Map Code” ได้อย่างง่ายดาย
3. กฎจราจรเบื้องต้นของญี่ปุ่น
- จำกัดความเร็ว: สังเกตป้ายจราจรให้ดี โดยทั่วไปถนนธรรมดาจะอยู่ที่ 50-60 กม./ชม. และทางด่วน 80-100 กม./ชม.
- ป้ายหยุด: เมื่อเจอเครื่องหมาย “止まれ” (โทมาเระ) ซึ่งเป็นป้ายสามเหลี่ยมสีแดงหัวกลับ จะต้อง หยุดรถให้สนิท ก่อน แล้วมองซ้าย-ขวาเพื่อความปลอดภัย
- ระวังสัตว์!: ในฮอกไกโดมักจะมีสุนัขจิ้งจอกและกวางวิ่งตัดหน้ารถ โดยเฉพาะช่วงเช้ามืดและกลางคืน ควรลดความเร็วและขับรถอย่างระมัดระวัง
【ลงมือขับจริง】แพลนขับรถเที่ยวฟุราโนะ-บิเอะ 2 คืน 3 วัน
จุดเริ่มต้น: เช่ารถที่สนามบิน New Chitose (CTS) หรือ Asahikawa (AKJ) แล้วออกเดินทาง!
ฤดูที่ดีที่สุด: กลางเดือนถึงปลายเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกลาเวนเดอร์บานสะพรั่ง
【วันที่ 1】บิเอะ: เนินเขาแห่งแพตช์เวิร์กและสระน้ำสีฟ้าสุดลึกลับ
- เช้า: เริ่มต้นจากสนามบินอาซาฮิคาวะ (ถ้ามาจากสนามบินชินชิโตเสะ ใช้เวลาขับรถบนทางด่วนประมาณ 2.5 ชม.) มุ่งหน้าสู่โซน “Patchwork Road” ที่มีต้นไม้ชื่อดังจากโฆษณาตั้งอยู่ ขับรถเที่ยวชม “Seven Stars Tree”, “Ken & Mary Tree” ไปเรื่อยๆ พร้อมเพลิดเพลินกับวิวเนินเขาสุดลูกหูลูกตา
- กลางวัน: ทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารของ “Biei Senka” ที่คุณจะได้ลิ้มรสผักสดๆ จากเมืองบิเอะ
- บ่าย: เดินทางไปยัง “สระน้ำสีฟ้าชิโรงาเนะ (Shirogane Blue Pond)” ที่โด่งดังไปทั่วโลก น้ำในสระมีสีฟ้าอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งจะเปลี่ยนเฉดสีไปตามสภาพอากาศและช่วงเวลา ดูลึกลับและสวยงามมาก ใกล้ๆ กันยังมี “น้ำตกชิราฮิเงะ” ที่ไหลลงสู่แม่น้ำบิเอะสีฟ้า เป็นอีกจุดที่ต้องไปชม
- ที่พัก: พักที่โรงแรมหรือเพนชั่นในเมืองบิเอะ หรือที่ชิโรงาเนะออนเซ็น
【วันที่ 2】ฟุราโนะ: พรมดอกไม้และกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์
- เช้า: ขับรถลงมาทางใต้ของบิเอะบนเส้นทาง “Panorama Road” แวะที่ “ชิคิไซโนะโอกะ (Shikisai-no-Oka)” แนะนำให้นั่งรถไถ “โนร็อกโกะ” ชมทุ่งดอกไม้กว้างใหญ่ ดอกไม้หลากสีที่ปลูกเป็นแถบนั้นงดงามมาก นอกจากนี้ยังมีฟาร์มอัลปาก้าน่ารักๆ ให้เข้าชมด้วย
- กลางวัน: เข้าสู่ตัวเมืองฟุราโนะเพื่อทานอาหารท้องถิ่นอย่าง “ฟุราโนะออมคาเร” (ข้าวแกงกะหรี่ไข่ข้น) ซึ่งเป็นเมนูที่มีเอกลักษณ์และมีกฎการทำเฉพาะของแต่ละร้าน
- บ่าย: ไปยังไฮไลท์ของฟุราโนะในฤดูร้อนที่ “ฟาร์มโทมิตะ (Farm Tomita)” ทุ่งลาเวนเดอร์ที่ปกคลุมทั่วทั้งเนินเขาไม่ได้มีแค่ความสวยงาม แต่กลิ่นหอมของมันยังช่วยให้ผ่อนคลายจากใจจริง และห้ามพลาดชิม “ซอฟต์ครีมลาเวนเดอร์” ที่มีขายเฉพาะที่นี่!
- ที่พัก: พักที่รีสอร์ทโฮเทลหรือเพนชั่นในย่านฟุราโนะ
【วันที่ 3】ป่าแห่งฟุราโนะ ของอร่อย และการเดินทางกลับ
- เช้า: ไปเดินเล่นใน “นิงเกิ้ลเทอเรส (Ningle Terrace)” เพื่อสัมผัสบรรยากาศเงียบสงบในป่า ที่นี่จะมีกระท่อมไม้น่ารักๆ ที่เป็นร้านค้าขายของแฮนด์เมดตั้งอยู่เรียงราย ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกแห่งเทพนิยาย
- กลางวัน: แวะที่ “โรงงานชีสฟุราโนะ (Furano Cheese Factory)” เพื่อทานพิซซ่าอร่อยๆ หรือจะลองทำชีสและเนยด้วยตัวเองก็ได้ (ต้องจองล่วงหน้า) อย่าลืมซื้อชีสกลับไปเป็นของฝากนะคะ
- บ่าย: ถึงเวลาสิ้นสุดทริปขับรถแสนสนุก แวะซื้อของฝากระหว่างทางมุ่งหน้าสู่สนามบิน การแวะทานซอฟต์ครีมส่งท้ายที่จุดพักรถบนทางด่วนก็เป็นความทรงจำที่ดีเช่นกัน
บทสรุป
การขับรถเที่ยวในฤดูร้อนที่ฟุราโนะและบิเอะ ไม่ใช่แค่การไปชมวิวสวยๆ แต่เป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดที่สอนให้เรารู้จักความสุขของการเดินทางอย่างอิสระ ความกว้างใหญ่และความงดงามของที่นี่จะเปลี่ยนภาพจำที่คุณมีต่อการเที่ยวญี่ปุ่นไปอย่างสิ้นเชิง
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยือน เพื่อให้ทริปของคุณสมบูรณ์แบบที่สุด แนะนำให้จองตั๋วเครื่องบิน, ที่พัก และรถเช่าล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ นะคะ
ขอให้ทุกคนขับรถอย่างปลอดภัยและสนุกกับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ของฮอกไกโดให้เต็มที่ค่ะ!