ก้าวเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น จะมองไปทางไหนก็มีแต่ชา ไม่ว่าจะบนโต๊ะอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ตู้กดน้ำ เราสามารถหาชาดื่มได้ทุกที่ แต่ถ้าอยากจะสัมผัสประสบการณ์การดื่มชาที่พิเศษกว่านั้น ญี่ปุ่นก็มีวัฒนธรรมสำคัญที่เรียกว่า ‘ซาโด’ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ ‘พิธีชงชา’ ให้ได้ลองสัมผัส เที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ลองสักหน่อยน่าจะดีนะ
เส้นทางของชา
ที่ญี่ปุ่น มองไปทางไหนก็มีแต่ชา ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ชากลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตชาวญี่ปุ่น อ้างอิงจากข้อมูลของสำนักซาโดอุระเซนเคะ ต้นชาน่าจะมีต้นกำเนิดจากภูเขาทางตอนใต้ของเอเชีย ก่อนจะถูกนำเข้าสู่ประเทศจีน ในช่วงแรกนั้นชาใช้เป็นยารักษาโรค แต่พอถึงสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907) ผู้คนเริ่มดื่มชาเพื่อความเพลิดเพลิน ในยุคนั้นใบชาจะถูกอัดเป็นก้อนเก็บไว้ เมื่อต้องการชงชา ก็จะขูดใบชาออกมาผสมกับส่วนผสมอื่น ๆ เช่นขิงหรือเกลือแล้วนำไปต้ม
ในช่วงที่ญี่ปุ่นเริ่มมีการติดต่อทางวัฒนธรรมกับราชวงศ์ถังของจีน พระญี่ปุ่นได้นำเอาชาอัดก้อนจากจีนมายังราชสำนักญี่ปุ่นในช่วงต้นศตวรรษที่ 9 ซึ่งการดื่มชายังจำกัดอยู่ในหมู่ชนชั้นสูงและในพิธีกรรมทางพุทธศาสนาเท่านั้น จนในช่วงศตวรรษที่ 11 ชาแบบป่นเป็นผงถึงได้ถูกคิดค้นขึ้นและแพร่หลายไปยังชนชั้นนักรบที่จะดื่มชาเพื่อฉลองในชัยชนะ จนถึงศตรวรรษที่ 14 การดื่มชาไม่ได้จำกัดแค่ในพิธีกรรมอีกต่อไป
ในปัจจุบัน พิธีชงชาแพร่หลายไปทั่วโลกและกลายเป็นงานอดิเรกของใครหลายคน พิธีชงชานั้นสร้างงานและอาชีพให้กับผู้คนจำนวนมากและไม่ได้จำกัดแค่การทำไร่ชาเพียงอย่างเดียว ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับการเพลิดเพลินกับการดื่มชา ซาโดจึงเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมที่สำคัญมากของประเทศญี่ปุ่น
ไม่ใช่แค่ชา แต่เป็นช่วงเวลาที่ดื่ม
หัวใจของพิธีชงชาคือเจ้าบ้านที่อยากจะเสิร์ฟชาเขียวมัทฉะที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้กับแขก และเมื่อแขกดื่มชาและแสดงความรู้สึกขอบคุณ สายใยของเจ้าบ้านและแขกก็ก่อกำเนิดขึ้น กลายเป็นหัวข้อพูดคุย กลายเป็นความทรงจำ กลายเป็นสิ่งที่หนึ่งชีวิตสามารถเกิดขึ้นได้แค่หนึ่งครั้งเท่านั้น
พิธีชงชานั้นไม่ได้โฟกัสที่การชงชาเพียงอย่างเดียว แต่เริ่มตั้งแต่การสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมที่สุดในการเพลิดเพลินไปกับชาถ้วยนั้น ทุกอย่างที่เป็นส่วนหนึ่งของการเสิร์ฟชา ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายเทของอากาศในห้องไปจนถึงพื้นที่ในห้องชงชา ภาพเขียนแขวนผนัง ดอกไม้ที่ใช้ประดับ และธูปหอมที่ใช้ในห้อง ชาที่สมบูรณ์แบบจะต้องเก็บรสชาติของช่วงเวลาเอาไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาล โอกาส เวลา และสถานที่
ในพิธีชงชาจะมีกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ต้องเรียนรู้และเคารพ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การทักทาย การโค้งคำนับ เสื้อผ้าที่ใส่ในพิธีชงชา ทุกอย่างล้วนต้องสุภาพและเรียบร้อย และหนึ่งในกิมมิกสำคัญคือช่วงเวลาที่เราดื่มชา ช่วงเวลานั้นเป็นฤดูกาลไหน ในห้องพิธีชงชาก็จะมีดอกไม้ของฤดูกาลนั้นประดับเอาไว้ หรืออาจมีภาพเขียนแขวนผนัง บางสำนักก็มีการทำขนมญี่ปุ่นที่กินคู่กับชาให้เป็นรูปร่างของดอกไม้ในฤดูกาลนั้น ๆ ด้วย
ถ้าอยากลองต้องไปที่ไหน
ถ้าพูดถึงพิธีชงชา จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากเกียวโต หัวใจสำคัญของประวัติศาสตร์การชงชาของญี่ปุ่น ซึ่งเราสามารถหาเวิร์คชอปสั้น ๆ หนึ่งวันได้ตามแอปพลิเคชันท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้เลย เพราะสะดวกที่สุดและมีวิทยากรที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้
ส่วนใครที่ไปเที่ยวเมืองอื่น ๆ ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะมีคาเฟ่หลายแห่งที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์พิธีชงชาแบบสะดวก ไม่ต้องเดินทางไปไกล และมีพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษได้อีกด้วย
แต่ถ้าใครอยากเรียนแบบลึก ๆ เลย Urasenke Chado Research Center ที่เป็นหนึ่งสถาบันซาโดชื่อดังของเกียวโตก็มีเปิดสอนวิชาชงชาแบบระยะยาวแบบเป็นภาษาอังกฤษ สำหรับใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้
อ้างอิง