dark mode light mode Search
Search

ตะลุยโลกหิมะมหัศจรรย์ที่ Sapporo Snow Festival  

เมื่อฤดูหนาวมาเยือนหิมะต่างเริ่มโปรยปรายปกคลุมเกาะฮอกไกโดจนขาวโพลนไปทั่ว แต่นั่นก็เป็นเสมือนสัญญาณบ่งบอกว่าช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานรื่นเริงกำลังจะมาถึงด้วยเช่นกัน ช่วงเวลานี้หนึ่งในเทศกาลที่คนทั่วโลกตั้งตารอคอยก็คือเทศกาลหิมะซัปโปโรซึ่งเป็นหนึ่งในเทศกาลฤดูหนาวอันสำคัญและยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ฤดูกาลนี้เมืองจะถูกเนรมิตให้กลายเป็นโลกหิมะมหัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยประติมากรรมหิมะงดงามตลอดจนมีกิจกรรมสนุกๆ เกิดขึ้นมากมาย แล้วเทศกาลสุดหรรษานี้ยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวนับล้านทั้งจากในญี่ปุ่นและทั่วโลกให้มาเยือนได้ทุกปี มอบรอยยิ้มและความประทับใจตลอดจนสร้างความทรงจำที่ดีได้อย่างไม่รู้เลือน

เทศกาลหรรษาแห่งฤดูหนาว

เทศกาลหิมะซัปโปโร หรือ Sapporo Snow Festival (さっぽろ雪まつり) นี้เป็นสัปดาห์แห่งเทศกาลหิมะอันยิ่งใหญ่ของเมืองซัปโปโร (Sapporo / 札幌市) จ.ฮอกไกโด (Hokkaido / 北海道) ที่จัดขึ้นในฤดูหนาวราวช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ช่วงเวลานี้ภายในเมืองจะมีการจัดกิจกรรมสนุกสนานมากมายตลอดจนเต็มไปด้วยประติมากรรมหิมะ (Snow Sculpture) ไปจนถึงประติมากรรมน้ำแข็ง (Ice Sculpture) ที่มีตั้งแต่ผลงานขนาดเล็กสุดสร้างสรรค์ไปจนถึงผลงานขนาดมหึมาสุดอลังการที่แกะสลักอย่างประณีตงดงามเลยทีเดียว

นอกจากนี้ก็ยังมีความสนุกสนานหรรษาเกิดขึ้นทั่วเมืองอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นการเสิร์ฟตำรับอร่อยในฤดูหนาวตามร้านค้าต่างๆ แหล่งช้อปปิ้งที่คึกคักไปด้วยผู้คน ไปจนถึงสวนสนุกฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยเครื่องเล่นสร้างสรรค์ขึ้นจากหิมะตลอดจนกีฬาฤดูหนาวเรียกเหงื่ออีกมากมายที่จะปลุกพลังและสร้างความสุขท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บได้เป็นอย่างดี

3 โซนห้ามพลาด

เทศกาลหิมะซัปโปโร (Sapporo Snow Festival) นั้นจะแบ่งโซนจัดงานเป็น 3 พื้นที่หลักด้วยกัน โดยในแต่ละส่วนจะนำเสนอกิจกรรมในรูปแบบและเอกลักษณ์ต่างกันไป สามโซนจัดงานนี้สามารถตระเวนเที่ยวเชื่อมต่อกันได้ไม่ยากรวมถึงสามารถใช้บริการระบบขนส่งมวลชนเพื่อเที่ยวงานได้อย่างสะดวกสบายเช่นกัน โดยแต่ละโซนมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

Credit: Sapporo Snow Festival
  • โซนโอโดริ (Odori Site / 大通会場): พื้นที่จัดแสดงนี้ถือเป็นศูนย์กลางหลักของงานเทศกาล และเป็นต้นกำเนิดของเทศกาลนี้ด้วย พื้นที่จัดงานจะอยู่ในบริเวณสวนสาธารณะโอโดริ (Odori Park / 大通公園) ปอดสีเขียวรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าใจกลางเมืองซัปโปโร (ที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนในฤดูหนาว) สวนแห่งนี้ทอดยาวใจกลางเมืองด้วยระยะทางกว่า 1.5 กิโลเมตร มีพื้นที่กว่า 78,901 ตารางเมตร ทั่วทั้งบริเวณจะเป็นพื้นที่จัดแสดงประติมากรรมหิมะ (Snow Sculpture) มากมายหลายร้อยตัว ตั้งแต่ประติมากรรมหิมะฝีมือชาวเมืองไปจนถึงประติมากรรมหิมะนานาชาติซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่สำคัญของงานนี้เลยทีเดียว
  • โซนซูซูกิโนะ (Susukino Site / すすきの会場): โซนนี้อยู่ในย่านซูซูกิโนะอันเป็นแหล่งบันเทิงเลื่องชื่อที่โด่งดังของเมืองและไม่ไกลจากโซนโอโดรินัก บริเวณนี้จัดแสดง Susukino Ice WORLD รวมผลงานประติมากรรมแกะสลักน้ำแข็ง (Ice Sculpture) ที่ประณีตงดงามไว้ให้ชมมากมายหลายร้อยชิ้นเช่นกัน
  • โซนสึโดมุ (Tsudome Site / つどーむ会場): พื้นที่แห่งความสนุกสุดหรรษานี้ตั้งอยู่ภายในบริเวณสนามกีฬา Sapporo Community Dome (札幌コミュニティドーム) หรือที่นิยมเรียกกันว่า “สึโดมุ (Tsudome / つどーむ)” สำหรับโซนนี้เปรียบดั่งสวนสนุกหิมะอันยิ่งใหญ่ที่มีการสร้างสรรค์เครื่องเล่นต่างๆ ขึ้นจากหิมะมากมายไปจนถึงมีกิจกรรมและกีฬาฤดูหนาวหลากหลายประเภทให้สนุกกันได้ทั้งแบบกลางแจ้งและแบบในร่ม (ภายใต้สเตเดียมหลังคาโดม) พร้อมบริการศูนย์อาหาร จำหน่ายสินค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกมากมาย

กำเนิดเทศกาลหิมะและการสานต่อความฝันที่ไม่มีวันละลาย

เทศกาลหิมะซัปโปโรสร้างความสุขให้คนทั่วโลกมายาวนานกว่า 7 ทศวรรษแล้ว ถึงแม้ประติมากรรมหิมะทุกตัวจะละลายหายไปหมดสิ้นทุกปีแต่เรื่องราวต่างๆ นั้นกลับยังคงอยู่ในความทรงจำอย่างไม่มีวันจางหายตลอดไป

ย้อนอดีตกลับไปในวันวานเทศกาลนี้เริ่มต้นขึ้นอย่างไม่เป็นทางการนักในปี ค.ศ. 1950 เมื่อมีกลุ่มครูศิลปะในโรงเรียนมัธยมของซัปโปโร 5 แห่งได้แนะนำให้นักเรียนมาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจากหิมะขึ้น กลุ่มนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ จึงได้มาร่วมกันปั้นหิมะจำนวน 6 ผลงาน ณ บริเวณสวนสาธารณะโอโดริ (Odori Park / 大通公園) จนได้รับความสนใจจากผู้คนล้นหลามอย่างคาดไม่ถึง อันที่จริงแล้วแรกเริ่มเดิมทีกิจกรรมนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากกิจกรรม Snow Handicrafts (雪手芸品) ที่จัดขึ้นในโรงเรียนประถมคิตะเตมิยะ (北手宮小学校 / Kitatemiya Elementary School) ในเมืองโอตารุ (Otaru / 小樽市) ที่อยู่ไม่ไกลกันมากนักซึ่งกิจกรรมนี้ว่ากันว่าทางโรงเรียนเริ่มจัดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียด้วยซ้ำ ปรากฎการณ์ครั้งนั้นทำให้ทางเทศบาลเมืองซัปโปโรตัดสินใจช่วยพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นเทศกาลหิมะขึ้นมาอย่างเป็นทางการในปีต่อมา

เทศกาลนี้ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นทุกปีและสร้างความฮือฮาอีกครั้งในปี ค.ศ.1953 เมื่อปรากฎผลงานชื่อ “昇天 หรือ Ascension” ที่แปลว่าขึ้นสวรรค์อันเป็นฝีมือของนักเรียนโรงเรียนมัธยมปลายฟุชิมิ (Fushimi High School) ร่วมกันสร้างสรรค์ประติมากรรมหิมะขนาดใหญ่สูงกว่า 15 เมตร ขึ้นเป็นครั้งแรก (โดยที่ผ่านมาไม่เคยมีใครสร้างประติมากรรมหิมะขนาดใหญ่แบบนี้มาก่อน) นอกจากจะได้รับความสนใจเป็นอย่างมากแล้วประติมากรรมนี้ก็กลายเป็นแรงบันดาลใจตลอดจนเป็นแรงพลักดัน (และแรงกดดัน) ให้โรงเรียนอื่นลุกขึ้นมาแข่งขันกันสร้างผลงานให้ยิ่งใหญ่อลังการมากขึ้น และนั่นก็ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญอีกรอบโดยในปี ค.ศ.1955 หน่วยงานราชการอย่าง กองกำลังป้องกันตนเองแห่งชาติญี่ปุ่น (Japan Self-Defense Forces – JSDF) ประจำฐานทัพมาโกะมาไน (Makomanai) ในฮอกไกโด ก็ได้เข้าร่วมเทศกาลนี้เป็นครั้งแรก ในครั้งนั้นเหล่าทหารได้ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานชื่อ “栄光 หรือ Glory” แกะสลักหิมะอย่างละเอียดประณีตจนกลายเป็นประติมากรรมรูปพระแม่มารีย์ (Virgin Mary) สูงกว่า 10 เมตร อันงดาม ผลงานนี้ได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมากและกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ผลงานที่ละเอียดประณีตขึ้น นับจากนั้นเรื่อยมา JSDF ก็กลายมาเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญหลักในการสร้างสรรค์ประติมากรรมหิมะให้เป็นที่จดจำมาจนถึงทุกวันนี้

Credit: (บน-ล่าง) Sapporo Tourist Association

วาระครบรอบ 10 ปี ในปี ค.ศ.1959 ถือเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเทศกาลนี้ ปีนั้นมีผู้เข้าร่วมสร้างสรรค์ผลงานมากถึง 2,500 คน มีผลงานเพิ่มเป็น 64 ชิ้นซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงเท่าตัวอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันปีนี้ยังเป็นปีแรกที่มีการถ่ายทอดรายการโทรทัศน์ออกอากาศไปทั่วประเทศด้วยรวมถึงตีพิมพ์ข่าวในหนังสือพิมพ์หลายฉบับจนทำให้เทศกาลกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างและโด่งดังไปทั่วญี่ปุ่นทันที ต่อจากนั้นอีกไม่กี่ปีเทศกาลนี้ก็เริ่มโด่งดังระดับโลกเพราะเมื่อปี ค.ศ.1964 ที่โตเกียวได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิกครั้งแรกนั้นเทศกาลหิมะซัปโปโร (Sapporo Snow Festival) ก็สร้างประติมากรรมหิมะเพื่อโปรโมทมหกรรมกีฬาโอลิมปิก Tokyo1964 ครั้งนี้ด้วย ขณะเดียวกันทางซัปโปโรก็ขอเสนอตัวเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในคราวเดียวกัน มหกรรมโอลิมปิกครั้งแรกในเอเชียคราวนั้นก็เลยทำให้คนทั่วโลกได้รู้จักและสนใจเทศกาลหิมะซัปโปโร (Sapporo Snow Festival) ไปพร้อมกัน ทำให้อีก 4 ปีต่อมาในปี ค.ศ.1968 ทางสำนักข่าวยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Associated Press (AP) แห่งอเมริกาได้ตัดสินใจเข้าร่วมถ่ายทอดเทศกาลหิมะซัปโปโรเพื่อออกอากาศไปทั่วโลกและนั่งก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ยกระดับให้งานนี้กลายเป็นเทศกาลระดับสากลอย่างแท้จริง

ในที่สุดเมื่อปี ค.ศ.1972 ซัปโปโรก็ได้เป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว Sapporo1972 สมใจ แน่นอนว่าเทศกาลหิมะซัปโปโร (Sapporo Snow Festival) กลายมาเป็นหนึ่งในแผนประชาสัมพันธ์ตลอดจนเป็นกิจกรรมโหมโรงก่อนก้าวเข้าสู่มหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวกันจริงๆ ความสำเร็จระดับสากลในปีนั้นต่อยอดให้ในปี ค.ศ.1974 มีการเริ่มต้นจัดการแข่งขัน International Snow Sculpture Competition ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยเชิญนักแกะสลักหิมะจากทั่วโลกเข้าร่วมประชันฝีมือกันมากมาย และกลายเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์เด่นของงานนี้ที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดให้คนทั่วโลกสนใจเพิ่มขึ้นด้วย

Credit: Sapporo Tourist Association

นอกจากเวทีแข่งขันระดับนานาชาติแล้วก็ยังมีเวทีแข่งขัน Sapporo Citizen Snow Sculpture สำหรับคนท้องถิ่นด้วย ซึ่งอันที่จริงแล้วเวทีเริ่มจัดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1965 โดยเปิดให้ชาวเมืองทุกคนสามารถส่งไอเดียเข้าคัดเลือกได้ซึ่งผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้มาปล่อยไอเดียสร้างสรรค์ประติมากรรมหิมะกันขึ้นจริงๆ ตลอดจนมีรางวัลมอบให้ผู้ชนะเลิศในแต่ละปีเช่นกัน แน่นอนว่ากิจกรรมนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจนทำให้นักท่องเที่ยวทั้งหลายคันไม้คันมืออยากแสดงฝีมือกันบ้าง ต่อมาในปี ค.ศ.1975 ก็ได้เริ่มมีการจัดกิจกรรมเวิร์กชอปเพื่อเปิดโอกาสให้คนทั่วไปได้เข้ามาเรียนรู้และลองสร้างสรรค์ประติมากรรมหิมะด้วยมือของตัวเองดูบ้าง ซึ่งกิจกรรมนี้ก็ยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้เช่นกัน

Credit: (ทั้งหมด) Sapporo Tourist Association

อีกหนึ่งไฮไลท์ของงานที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือโซนของ Susukino Ice World (すすきのアイスワールド) ที่จัดแสดงประติมากรรมแกะสลักน้ำแข็งอันงดงามอลังการไม่แพ้กัน โดยกิจกรรมนี้เริ่มจัดครั้งแรกในปี ค.ศ.1983 (เทศกาลครั้งที่ 34) และยุคหลังได้เริ่มมีการนำแสงสีเสียงตลอดจนเทคโนโลยีล้ำสมัยต่างๆ มาทำให้ประติมากรรมน้ำแข็งดูมีสีสันและน่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้นด้วย

เช่นเดียวกับทางด้านโซนจัดแสดงประติมากรรมหิมะที่เมื่อปี ค.ศ.2013 ก็ได้เริ่มมีการนำเอาเทคโนโลยี Projection Mapping อันทันสมัยเข้ามาร่วมฉายภาพกราฟิกดีไซน์ตลอดจนโมชั่นกราฟฟิกประกอบแสงสีเสียงลงไปบนประติมากรรมหิมะเป็นครั้งแรก ซึ่งผลงานแรกที่จัดแสดงในรูปแบบนี้ก็คือ Hoheikan ประติมากรรมหิมะถอดแบบมาจากอาคารเก่าแก่อย่าง “อาคารโฮไฮกัน (Hoheikan Building / 豊平館)” อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ซึ่งอาคารนี้เป็นเรือนไม้โบราณสองชั้นที่ได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมตะวันตก สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1879 โดยการแสดง Projection Mapping ครั้งนั้นสร้างความตื่นตาตื่นใจและได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมตลอดจนกลายเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างสรรค์ผลงานมิติใหม่ๆ ต่อมาอีกมากมาย

Credit: Hokkaido Tourism Organization

เทศกาลหิมะซัปโปโรนี้นอกจากจะสร้างสีสันกระตุ้นให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวญี่ปุ่นคึกคักแล้ว ก็ยังเป็นแหล่งแห่งการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่ทุกคนจับตาและเฝ้ารอเสมอ นอกจากนี้ก็ยังเป็นทั้งแหล่งโชว์ศักยภาพหลากหลายด้าน เป็นเวทีแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นดั่งเครื่องมือสานสัมพันธ์ทางการทูตอันยอดเยี่ยม ตลอดจนเป็นสิ่งแสดงวิสัยทัศน์ไปจนถึงนวัตกรรมแห่งยุค นับได้ว่าเป็นเทศกาลฤดูหนาวสำคัญระดับโลกที่น่าหลงใหลและทรงคุณค่าเสมอมาจนถึงปัจจุบัน

Hall of Fame – ผลงานเด่นโดนใจ

นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงทุกวันนี้ เทศกาลหิมะซัปโปโร (Sapporo Snow Festival) สร้างสรรค์ประติมากรรมหิมะมาแล้วมากมายหลากหลายรูปแบบ เป็นเวทีโชว์ความคิดสร้างสรรค์ที่ยอดเยี่ยม ตลอดจนเป็นสิ่งเชิดชูเกียรติที่ทรงคุณค่าทีเดียว

Credit: Sapporo Tourist Association

ผลงานที่เคยปรากฏนั้นมีตั้งแต่เทพเจ้าในตำนานไปจนถึงบุคคลสำคัญของโลกทุกยุคสมัย โบราณสถานเก่าแก่ทั่วโลกไปจนถึงอนุสรณ์สถานทางทางประวัติศาสตร์จากหลากหลายดินแดน อนุสาวรีย์ปูชนียบุคคลล้ำค่าไปจนถึงรูปปั้นคนดังสุดป๊อบจากหลากหลายวงการ ตัวละครจากเทพนิยายตะวันตกไปจนถึงการ์ตูนตัวโปรดจากมังงะฝั่งตะวันออก ตัวเอกในอนิเมะดังไปจนถึงคาร์แรกเตอร์เด็ดจากหนังฮอลลีวูด วัฒนธรรมทรงคุณค่าไปจนถึงนวัตกรรมล้ำสมัย รวมถึงผลงานสร้างสรรค์จากกระแสข่าวดังตลอดจนการบันทึกประวัติศาสตร์สำคัญอีกมากมาย ซึ่งมีผลงานไหนโดดเด่นโดนใจบ้างลองไปดูกัน

  • บันทึกประวัติศาสตร์มนุษยชาติ: ปี ค.ศ.1969 อเมริกาได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญด้วยการส่งมนุษย์ชาติไปเยือนดวงจันทร์ได้เป็นผลสำเร็จครั้งแรก ต่อมาในปี ค.ศ.1970 จึงได้มีการสร้างผลงาน Stand on the Moon of Mankind ขึ้นในเทศกาลหิมะซัปโปโรซึ่งเป็นประติมากรรมหิมะรูป นีล อาร์มสตรอง กำลังเหยียบอยู่บนพื้นผิวดวงจันทร์เพื่อเป็นการสดุดีให้กับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติครั้งนั้นด้วย
  • ฉลองการก่อตั้งอเมริกา: ปี ค.ศ.1976 บริเวณ American Square ได้มีการสร้างผลงาน U.S.A. Bicentennial ประติมากรรมน้ำแข็งรวบรวมสถาปัตยกรรมตลอดจนอนุสาวรีย์อันทรงคุณค่าต่อประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ใน Washington D.C. และ New York อาทิ United States Capitol และ Supreme Court Building ไปจนถึงเทพีเสรีภาพ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองการก่อตั้งประเทศอเมริกาครบรอบ 200 ปี นั่นเอง
  • ร่วมรำลึกความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือน: ในเทศกาลนี้มีการแกะสลักหิมะเป็นปราสาทญี่ปุ่นอยู่หลายครั้งแต่ครั้งที่ยิ่งใหญ่อลังการและสร้างความทรงจำได้ดีที่สุดต้องยกให้ผลงานในปี ค.ศ.2012 (ครั้งที่ 63) ซึ่งเป็นการสร้างประติมากรรมหิมะรูปปราสาทซึรุกะ (Tsuruga Castel / 鶴ヶ城) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่าปราสาทไอซึวะกะมัทซึ (Aizuwakamatsu Castle / 会津若松城) อันเป็นปราสาทยิ่งใหญ่แห่งเมืองไอซึวะกะมัทซึ ใน จ.ฟุกุชิมา เพื่อร่วมรำลึกถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่แห่งภูมิภาคโทโฮกุที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ.2011 ด้วยนั่นเอง
  • ไฮไลท์ไทยแลนด์: ส่วนไฮไลท์ที่เกี่ยวกับประเทศไทยก็มีเช่นกัน อย่างเช่นในปี ค.ศ.2007 เป็นผลงาน Chakri Maha Prasat Grand Palace ที่แกะสลักประติมากรรมหิมะเป็นรูปพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทอันวิจิตรงดงาม หรือในปี ค.ศ.2015 ก็มีผลงาน Wat Benchamabophit (Marble Temple) แกะสลักหิมะเป็นรูปพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหารได้วิจิตรงดงามไม่แพ้กัน เพื่อร่วมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศญี่ปุ่นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนฉลองวาระครบรอบ 100 ปี แห่งการจัดตั้งสมาคมญี่ปุ่นในประเทศไทยด้วย
  • หนังดังโลกไม่ลืม: หนึ่งในมหากาพย์ภาพยนตร์อมตะตลอดกาลที่ถูกนำมาสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมหิมะอยู่บ่อยครั้งก็คือเรื่อง Star Wars นั่นเอง แต่ที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลกได้มากที่สุดนั้นเห็นจะเป็นผลงานในปี ค.ศ.2015 (ครั้งที่ 66) ที่ได้มีการแกะสลักประติมากรรมน้ำแข็งขนาดยักษ์ให้เป็นรูป Darth Vader ที่มาพร้อมเหล่า Stormtroopers เพื่อร่วมเฉลิมฉลองการฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ของเรื่อง Star Wars: Episode VII – The Force Awakens ที่กลับมาเป็นกระแสดังทั่วโลกอีกครั้ง
  • ดีสนีย์ที่รัก: อีกหนึ่งตัวการ์ตูนดังที่ถูกนำมาสร้างสรรค์ผลงานอยู่บ่อยครั้งเช่นกันก็คือ Mickey Mouse แล้วครั้งที่สร้างความประทับใจมากที่สุดเห็นจะเป็นผลงาน “Dreams” ในปี ค.ศ.2009 ที่แกะสลักหิมะเป็นรูป Mickey Mouse และผองเพื่อนกับปราสาทอันเป็นสัญลักษณ์ของดิสนีย์เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 25 ปีของ Tokyo Disneyland
  • ซอฟท์พาวเวอร์ทรงพลัง: สำหรับการตูนญี่ปุ่นก็มีการนำมาสร้างสรรค์ประติมากรรมหิมะบ่อยครั้งเช่นกันแต่ครั้งที่ยิ่งใหญ่และทรงเกียรติที่สุดเห็นจะเป็นผลงานในปี ค.ศ.2018 ที่มีการสร้างประติมากรรมหิมะรวมเหล่าตัวการ์ตูนดังอันเป็นผลงานของอาจารย์เทะสึกะ โอซามุ (Osamu Tezuka / 手塚 治虫) นักวาดการ์ตูนมือทองในตำนานของญี่ปุ่นที่เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกให้การ์ตูนญี่ปุ่นโด่งดังไปทั่วโลก ผลงานนี้ประกอบด้วยตัวเอกจากเรื่อง Kimba the White Lion, Princess Knight, Black Jack และ Astro Boy หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ “เจ้าหนูอะตอม” หรือ “เจ้าหนูปรมาณู” นั่นเอง สร้างสรรค์ขึ้นในโอกาสเฉลิมฉลองวาระครอบรอบ 90 ปี ให้กับปรมจารย์ในตำนานแห่งวงการการ์ตูนญี่ปุ่น (และวงการการ์ตูนโลก) นั่นเอง

International Square – เวทีประชันฝีมือนานาชาติ

อีกหนึ่งไฮไลท์ของเทศกาลหิมะซัปโปโรที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากก็คือเวทีแข่งขันระดับนานาชาติ International Snow Sculpture Competition ในบริเวณ International Square ที่อยู่ในพื้นที่โซนโอโดรินี้เอง

สนามประชันฝีมือนักเกะสลักประติมากรรมหิมะจากทั่วโลกนี้เริ่มจัดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1974 โดยชาติแรกที่เข้าร่วมก็คือประเทศแคนาดานั่นเอง สำหรับกติกาการแข่งขันนั้นทุกทีมจะได้ก้อนหิมะขนาด 3x3x3 เมตร สามารถแกะสลักหิมะสร้างสรรค์เป็นธีมต่างๆ ได้อย่างไม่จำกัดโดยห้ามใช้เครื่องมือไฟฟ้าใดๆ ช่วยทั้งสิ้น แต่ละทีมจะมีเวลาเพียง 4 วัน และผู้ชมก็สามารถเดินดูการทำงานของศิลปินจากชาติต่างๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เห็นพัฒนาการของการทำงานได้ตั้งแต่ต้นจนเป็นผลงานเสร็จสมบูรณ์

แน่นอนว่าประเทศไทยก็เข้าร่วมแข่งขันในรายการนี้ด้วยเหมือนกันซึ่งทีมชาติไทยได้เข้าร่วมครั้งแรกในปี ค.ศ.1991 และส่งทีมแข่งขันต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แล้วทีมชาติไทยยังกลายเป็นทีมแถวหน้าที่โชว์ฝีมือได้อย่างยอดเยี่ยมเสมอจนกลายเป็นทีมที่ถูกจับตาทุกปี แถมเคยคว้ารางวัลชนะเลิศมาแล้วหลายครั้งด้วยรวมถึงเคยสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมชาติเดียวที่เคยคว้ารางวัลชนะเลิศติดต่อกันถึง 3 ปีซ้อน (Grand Champion) มาแล้วด้วย มาลองดูไฮไลท์ของทีมไทยกัน

  • Grand Champion ครั้งแรก: ปี ค.ศ.2008 เป็นปีแรกที่ทีมไทยคว้ารางวัลชนะเลิศในผลงานชื่อ “Family” ที่เป็นผลงานแกะสลักหิมะรูปครอบครัวช้าง พ่อ-แม่-ลูก ต่อมาในปี ค.ศ.2009 ทีมชาติไทยก็คว้ารางวัลชนะเลิศติดต่อกันเป็นปีที่สองด้วยผลงาน “Garuda and Naga” ที่แกะสลักหิมะเป็นรูปครุฑยุดนาคอย่างประณีตงดงาม ในปี ค.ศ.2010 ประเทศไทยก็คว้ารางวัลชนะเลิศติดต่อกันอีกครั้งด้วยการสร้างสรรค์ผลงาน “Kraithong” ซึ่งแกะสลักหิมะเป็นรูปไกรทองสู้กับชาละวันอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
  • ผลงานสร้างสรรค์เลื่องชื่อ: ผลงานทีมไทยที่โดดเด่นและโด่งดังที่สุดเห็นจะเป็นผลงาน “The Ubiquitous TUK-TUK” ที่สร้างสรรค์ขึ้นในปี ค.ศ.2015 ผลงานนี้แกะสลักหิมะเป็นรูปคนขับตุ๊กตุ๊กพุ่งทะยานน่าตื่นเต้น โดยผลงานนี้คว้ารางวัลชนะเลิศมาครองได้อีกครั้ง แล้วตุ๊กตุ๊กยังเป็นสัญลักษณ์ไทยที่ดังในญี่ปุ่นและระดับโลก นั่นเลยทำให้ผลงานนี้ปรากฎบนสื่อทั่วโลกมากมาย
  • Grand Champion ครั้งที่สอง: ทีมชาติไทยสร้างประวัติศาสตร์คว้า Grand Champion อีกครั้ง โดยเริ่มตั้งแต่ ปี ค.ศ.2018 ที่สร้างสรรค์ผลงาน “ไก่ชน” จนคว้ารางวัลชนะเลิศได้สำเร็จ ต่อมาในปี ค.ศ.2019 ก็คว้ารางวัลชนะเลิศอีกครั้งในผลงานชื่อ “Betta Brilliance-The Beauty and Strength of Thailand” ที่แกะสลักเป็นรูปปลากัดซึ่งกำลังอยู่ในช่วงปลากัดโด่งดังไปทั่วโลก แล้วในปี ค.ศ.2020 ก็คว้ารางวัลชนะเลิศเป็นปีที่สามติดต่อกันด้วยการสร้างสรรค์ผลงาน “อนาคตที่ปลายจมูก – Future in our hands” ที่เป็นแกะสลักหิมะเป็นรูปมือมนุษย์กำลังโอบอุ้มแม่เต่าและลูกเต่าทะเลอย่างงดงาม
  • ผลงานโดดเด่นล่าสุด: ผลงานน่าสนใจล่าสุดนี้สร้างสรรค์ขึ้นในปี ค.ศ.2024 ในประติมากรรมชื่อ “The Naga Fireball ” ที่แกะสลักหิมะเป็นรูปพยานาคอย่างวิจิตรงดงามจนสามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศมาได้สำเร็จ

เที่ยวพิพิธภัณฑ์บันทึกความทรงจำ

ใครที่พลาดชมเทศกาลหิมะซัปโปโรในแต่ละครั้งหรือไปเที่ยวช่วงเทศกาลแล้วอยากเรียนรู้ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเทศกาลนี้เพิ่มเติมเราขอแนะนำให้ลองแวะไปเที่ยวที่นี่เลย พิพิธภัณฑ์เทศกาลหิมะซัปโปโร (Sapporo Snow Festival Museum / さっぽろ雪まつり資料館) นั้นตั้งอยู่ภายในบริเวณ จุดชมวิวฮิสึจิกาโอกะ (Sapporo Hitsujigaoka Observation Hill / さっぽろ羊ヶ丘展望台) ทางตอนใต้ของเมืองซัปโปโร

ภายในจัดแสดงนิทรรศการมากมายหลากหลายมิติตลอดจนจัดแสดงวัตถุสิ่งของอันเป็นประวัติศาสตร์ของเทศกาลไว้มากมาย ตั้งแต่โปสเตอร์ประชาสัมพันธ์งานแต่งละปีไปจนถึงไฮไลท์อย่างโมเดลจำลองของสถานที่สำคัญต่างๆ ทั่วโลกซึ่งเป็นต้นแบบจริงที่ใช้ในการแกะสลักประติมากรรมหิมะต่างๆ มาตั้งแต่ยุค 1980s จนถึงปัจจุบัน

Information

+ ค่าเข้าชม (Admission): ฟรี (เฉพาะในส่วนของพิพิธภัณฑ์)

  • หมายเหตุ: แต่ต้องเสียค่าเข้าในส่วนของจุดชมวิวฮิสึจิกาโอกะ (Sapporo Hitsujigaoka Observation Hill / さっぽろ羊ヶ丘展望台) ก่อน >>> ในราคา ผู้ใหญ่  ¥600 / เด็ก (ประถม-มัธยมปลาย) ¥300

+ เปิด-ปิด: ทุกวัน / ตลอดทั้งปี

  • มิถุนายน-กันยายน 09.00-18.00
  • ตุลาคม-พฤษภาคม 09.00-17.00

+ เว็บไซต์ (Observation Center): www.hitsujigaoka.jp

+ เว็บไซต์ (Museum): www.snowfes.com

+ แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9EfGK8dtdLZT76td9

เทศกาลฤดูหนาวอันแสนอบอุ่น

ถึงแม้อุณหภูมิจะลดต่ำจนหนาวเหน็บแค่ไหนแต่เทศกาลแห่งความสุขนี้ก็พร้อมต้อนรับทุกคนด้วยความอบอุ่นเสมอ สำหรับใครที่อยากลองแวะไปเที่ยวเทศกาลหิมะซัปโปโร (Sapporo Snow Festival) บ้างก็เตรียมพร้อมแล้วลุยกันได้เลย ที่สำคัญอย่างลืมศึกษาเรื่องการแต่งกายให้พร้อมรับกับอากาศหนาวและเผชิญหิมะกันให้ดี รวมถึงวิธีดูแลตัวเองยามหน้าหนาวตลอดจนเทคนิคต่างๆ ที่ช่วยสร้างความอบอุ่นซึ่งจะทำให้เราสนุกกับเทศกาลฤดูหนาวได้มากยิ่งขึ้น หากอยากเรียนรู้ข้อมูลอื่นเพิ่มเติมก็ลองเข้าไปกันที่ลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลย … แล้วไปสนุกกับฤดูหนาวที่แสนอบอุ่นด้วยกัน

Information

+ เทศกาลหิมะซัปโปโร (Sapporo Snow Festival): www.snowfes.com

+ แผนที่:

โซนโอโดริ (Odori Site / 大通会場): https://maps.app.goo.gl/91zfaW3KtwJ4V8si8

โซนซูซูกิโนะ (Susukino Site / すすきの会場): https://maps.app.goo.gl/z6vAmur7eKz45TVM9

โซนสึโดมุ (Tsudome Site / つどーむ会場): https://maps.app.goo.gl/YAb8fxGxbBAQnAjY7

++++++++++++++++++++++++++

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

https://www.snowfes.com/en

https://en.wikipedia.org/wiki/Sapporo_Snow_Festival

https://www.artculture4health.com/contents/view/3891

https://mgronline.com/dhamma/detail/9560000025948

https://somethingcurated.com/2021/02/02/the-story-of-japans-sapporo-snow-festival

https://www.sapporo.travel/en/bunkazaisanpo/fubutushi

https://sculpturedigest.com/epic-star-wars-snow-sculpture

Total
0
Shares
Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *