dark mode light mode Search
Search

เที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ต้องลอง! กิโมโนยุคใหม่ ใส่กับอะไรก็สวยโดดเด่น

เที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ต้องลอง! กิโมโนยุคใหม่ ใส่กับอะไรก็สวยโดดเด่น

ถ้ามาเที่ยวญี่ปุ่น กิจกรรมที่พลาดไม่ได้คือการเช่าชุดกิโมโนหรือเช่าชุดยูกาตะเดินเที่ยว ซึ่งบอกเลยว่าการได้ใส่ชุดกิโมโนหรือยูกาตะเดินเล่นนั้นแตกต่างจากใส่เสื้อผ้าที่เราเตรียมมาจากบ้านแน่นอน เพราะที่ญี่ปุ่นเราจะเห็นคนพื้นที่ใส่กิโมโนกันเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะที่เกียวโต และการได้ใส่กิโมโนเที่ยววัดและศาลเจ้านั้นทำให้ทริปเที่ยวครั้งนี้พิเศษมากขึ้นไปอีก

มาทำความรู้จักกิโมโนในแบบต่าง ๆ กันเถอะ

ที่จริงแล้วกิโมโนมีหลายแบบสำหรับใช้ในหลายโอกาส เริ่มจากแบบยอดนิยมที่พวกเรานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะได้ใส่จากร้านเช่าชุดกิโมโนกันอย่าง โคะมง กันก่อน เราสามารถเห็นโคะมงได้ทั่วไปเพราะเป็นกิโมโนที่ใส่กันในวันสบาย ๆ ไม่ได้มีงานพิธีการอะไร ใส่เดินในเมือง หรือไปวัด ไปศาลเจ้า โดยจุดสังเกตคือเป็นกิโมโนที่มีลวดลายเล็ก ๆ ซ้ำกันกระจายไปทั่วตัวกิโมโน โดยส่วนใหญ่จะเป็นลายเรขาคณิตง่าย ๆ หรือลายดอกไม้ โดยลวดลายเหล่านี้เรียกว่า เอโดะโคมง ในสมัยเอโดะลวดลายเหล่านี้มักจะใช้สีเรียบ ๆ ไม่ฉูดฉาดมาก แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปก็มีความโมเดิร์นมากขึ้นทั้งสีที่สดใสขึ้นและลวดลายที่หลากหลายมากขึ้น

ขยับขึ้นมาอีกนิดเป็นกิโมโนแบบกึ่งทางการที่อาจเห็นได้บ้างตามร้านเช่ากิโมโนที่ราคาแพงขึ้นมาหน่อยคือ โฮมงกิ ที่ผู้คนจะใส่กันเมื่อได้รับเชิญเป็นแขกในงานพิธีการ หรือพิธีชงชา จุดเด่นของโฮมงกิคือลวดลายที่ไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะมีตะเข็บตรงไหน ลวดลายจะเชื่อมต่อกันราวกับว่าโฮมงกิคือผืนผ้าใบสำหรับวาดภาพ ซึ่งจะสังเกตได้จากบริเวณรอยต่อของคอเสื้อ อกเสื้อ และไหล่ ว่าลวดลายจะเชื่อมต่อกัน ไม่เหมือนกับโคะมงที่เราสามารถเห็นรอยต่อได้อย่างชัดเจนเพราะลวดลายที่ไม่เชื่อมต่อกัน โฮมงกิมักจะเป็นลายดอกไม้ นก วิวทิวทัศน์ โดยลวดลายที่ไร้รอยต่อแบบนี้เรียกว่า เอบะโมโย ซึ่งเป็นเทคนิคการสร้างลวดลายผ้าที่ต้องใช้ทักษะขั้นสูง

สุดท้ายคือ ฟุริโซเดะ กิโมโนแบบทางการสำหรับหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน โดยจุดเด่นนอกจากจะเป็นลวดลายแบบเอบะโมโยที่สีสันสดใสกว่าโฮมงกิเพื่อสื่อถึงความอ่อนเยาว์แล้ว ชายใต้แขนเสื้อจะยาวลงมาเกือบถึงพื้น ทำให้มีพื้นที่ในการแสดงทักษะการทำลวดลายผ้ามากขึ้น ทำให้ฟุริโซเดะเป็นกิโมโนที่มีมูลค่า สุภาพ เป็นทางการ และเหล่าหญิงสาวจะสวมใส่เมื่ออายุครบ 20 ปีในพิธีวันบรรลุนิติภาวะซึ่งจะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี

แต่ตอนนี้ไม่ได้มีแค่กิโมโนแบบดั้งเดิมแล้วนะ

เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ก็เริ่มสร้างสรรค์ผลงานที่เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น เริ่มตั้งแต่จุดเล็ก ๆ อย่างลวดลาย ลวดลายดั้งเดิมก็จะเป็นดอกไม้ นก ทิวทัศน์ แต่ตอนนี้ก็มีกิโมโนที่ใช้ลวดลายกราฟิกอย่างลายทาง ลายเรขาคณิต พร้อมการจับคู่สีที่เตะตา หรือลายลูกไม้น่ารัก ๆ ในสีพาสเทล จับคู่กับโอบิลูกไม้และโบว์ให้ดูหวานสวย ซึ่งแบบนี้กำลังเป็นที่นิยมสุด ๆ

ตอนนี้กิโมโนไม่ได้จำกัดอยู่แค่การจับคู่สีในโทนเดียวกัน หรือเครื่องประดับแบบดั้งเดิมอีกต่อไป การใช้ประเภทของผ้าที่หลากหลายและลวดลายของผ้าที่ซับซ้อนมากขึ้นทำให้สาว ๆ สามารถโชว์คาแรกเตอร์ของตัวเองผ่านกิโมโนได้มากขึ้น สมัยนี้เราจะได้เห็นสาวหวานในชุดกิโมโนสีเบจลายดอกเล็ก ๆ จับคู่กับโอบิประดับผ้าแก้วฟูฟ่องสีพาสเทล สาวเท่ในกิโมโนลายกราฟิกสีขาวดำตัดกับโอบิลวดลายฉูดฉาดสีแดง พร้อมกับเปลี่ยนจากเกี๊ยะไม้เป็นรองเท้าบูทหนัง แมทช์กับหมวกเบเรต์ก็ยังได้ 

แต่การใส่กิโมโนแบบดั้งเดิมนั้นยากมาก ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถใส่ด้วยตัวเองคนเดียวได้อย่างราบรื่นสวยงาม ก็เลยมีดีไซเนอร์ของแบรนด์ SOURA ที่ทำ ‘ไฮบริดกิโมโน’ ขึ้นมาแก้ปัญหานี้ บอกว่าสามารถใส่ได้เองภายใน 1 นาทีโดยการใช้ซิปและทรงของกิโมโนที่ต่างออกไปจากแบบดั้งเดิมเล็กน้อย นอกจากจะใส่ง่ายแล้วยังสวยโดดเด่น แมทช์กับรองเท้าและเครื่องประดับได้อย่างหลากหลาย กิโมโนของ SOURA ดังไปไกลถึง Milan Fashion Week 2023 เลยทีเดียว

ที่มา: https://commonstyle.net/?mode=cate&csid=0&cbid=2767797

เมื่อหน้าร้อนมาถึง ก็เป็นฤดูกาลของยูกาตะ!

กิโมโนสามารถใส่ได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงหน้าร้อนที่ทุกคนจะเปลี่ยนมาใส่ยูกาตะแทน ยูกาตะทำมาจากผ้าฝ้ายที่ระบายอากาศได้ดีกว่าและความซับซ้อนในการใส่ที่น้อยกว่า สำหรับใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงหน้าร้อน การได้ใส่ยูกาตะไปดูดอกไม้ไฟนั้นเป็นประสบการณ์ที่จะถูกเก็บไว้ในใจไปตราบนานเท่านาน ซึ่งเทศกาลดอกไม้ไฟจะตลอดเดือนสิงหาคมโดยจะแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่ จะซื้อตั๋วเข้าไปนั่งสบาย ๆ ในงานก็ได้ หรือจะหาที่ว่างใกล้ ๆ กับบริเวณงานปูเสื่อชมแบบไม่มีค่าใช้จ่ายก็ได้เหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะแบบไหน สาว ๆ ส่วนใหญ่ล้วนแต่งตัวในชุดยูกาตะ แต่งหน้าทำผมแบบจัดเต็มไปเดินเที่ยวเล่นและถ่ายรูปเก็บความทรงจำกันก่อนถึงเวลางานเสมอ

ลวดลายยูกาตะแบบดั้งเดิมที่นิยมกันก็จะเป็นดอกไม้แบบญี่ปุ่น พลุ ปลาทอง และสิ่งต่าง ๆ ที่สื่อถึงฤดูร้อน แต่ตอนนี้ก็มีลวดลายอื่น ๆ ที่โมเดิร์นมากขึ้น และการใช้เนื้อผ้าที่แตกต่างออกไปสำหรับโอบิ รวมไปถึงยูกาตะแบบพร้อมใส่ที่ออกมาแก้ปัญหาให้สาว ๆ ที่ใส่ยูกาตะเองไม่ถนัด โดยยูกาตะแบบนี้จะแบ่งเป็นสามชิ้นคือ ชุดเดรสสายเดี่ยว เสื้อคลุมแขนยาว และโอบิ ทำให้การใส่ยูกาตะเป็นไปได้อย่างราบรื่นภายใน 5 นาที แค่ใส่เดรส สวมเสื้อคลุมทับ ผูกโอบิแบบง่าย ๆ ก็พร้อมออกไปเดินเล่นในเทศกาลแล้ว ส่วนวันสบาย ๆ ก็สามารถหยิบแค่ชุดเดรสมาใส่ก็ได้เหมือนกัน ซื้อหนึ่งได้ถึงสอง ถ้าใครอยากซื้อกลับบ้านก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านเสื้อผ้ายอดนิยมของสาว ๆ อย่าง GRL หรือ MERLOT ที่ทำออกมาในราคาที่จับต้องได้ ไม่เกินหนึ่งหมื่นเยนก็ซื้อยูกาตะกลับบ้านได้แล้ว

ที่มา: https://www.grail.bz/item/gi14052876/

และที่ตอนนี้กำลังเป็นเทรนด์มาแรงคือการผูกโอบิให้เป็นรูปที่แตกต่าง ตอนนี้โอบิไม่ได้จำกัดแค่แบบดั้งเดิมอีกต่อไป สาว ๆ นิยมผูกเป็นโบว์ เป็นพุ่มฟูฟ่อง เป็นรูปทรงดอกไม้ ก็ช่วยทำให้ยูกาตะของเราเป็นที่น่าสนใจและเตะตามากขึ้น หรืออย่างล่าสุดที่กลายเป็นที่พูดถึงกันในโซเชียลมีเดียคือการผูกโอบิสีแดงให้เป็นรูปปูของร้านกิโมโนมือสองในย่านอาซาคุสะ ชาวเน็ตต่างพากันมาชื่นชมในความคิดสร้างสรรค์ของทางร้าน

ที่มา: https://x.com/UYuxkx806SZmIiZ/status/1805136797636452542

ไม่ใช่แค่เสื้อผ้า แต่เป็นทั้งวัฒนธรรมและผืนผ้าใบ

ที่ญี่ปุ่น กิโมโนไม่ใช่แค่เครื่องแต่งกาย แต่เป็นวัฒนธรรม เพราะกว่าจะมาเป็นกิโมโนหนึ่งชุดนั้นต้องใช้ทักษะทางศิลปะมากมาย ทั้งการออกแบบ ตัดเย็บ ย้อมสี ทำลวดลายผ้า แม้แต่ตัวผู้ใส่เองก็ต้องมีเซนส์ในการจับคู่ลวดลายและสี พร้อมกับทักษะการสวมใส่ให้สวยงามเรียบร้อยด้วย ทำให้กิโมโนเป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายประจำชาติที่คนทั่วโลกรู้จัก จนปัจจุบันกิโมโนก็ยังคงอยู่คู่กับชาวญี่ปุ่น ไม่ได้เลือนหายไปตามกาลเวลา มีแต่จะพัฒนาไปมากขึ้นให้เข้ากับยุคสมัย สร้างงานและอาชีพให้กับชาวญี่ปุ่นมาตลอด และไม่ได้จำกัดเพียงแค่คนยุคเก่าเท่านั้น คนยุคใหม่มากมายที่รักและหลงใหลในสเน่ห์ของกิโมโน แม้แต่ชาวต่างชาติอย่างเราก็ตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เห็นกิโมโนแบบใหม่ ๆ และคงจะดีถ้าได้ลองใส่สักครั้งในชีวิต

อ้างอิง: https://mine-3m.com/articles/102301

Total
0
Shares